เรื่องของหยก

▬ เนื้อมีความใส ไม่ขุ่นทึบ จนเหมือนก้อนหิน แสงจะต้องลอดเข้าไปในเนื้อได้ ทำให้มีประกายวาวอยู่ภายใน

▬ ลักษณะเนื้อใส แล้วต้องมีความเป็นมันวาวด้วย ต้องไม่ด้านทึบ หรือทื่อ ๆ ไม่มีชีวิตชีวา

▬ รูปทรงของเม็ดหยก ควรมีความนูนสูงได้สัดส่วน กำลังงาม ไม่แบนราบจนเกินไป ส่วนหยกที่มีทรงสูง คล้างกองข้าวสูงนั้น ผู้คนจำนวนมากก็ชอบเช่นกัน เพราะถือเคล็ดว่า จะทำให้มั่งมีเงินท้อง คล้ายกับ "กองข้าว" ที่กองสูงอยู่ในยุ้งฉาง

▬ สีหยกไม่ว่าจะเป็นสีเข้มหรือสีอ่อน ควรมีสีเข้มเรียบสม่ำเสมอ ในระดับเดียวกันตลอดทั้งเม็ด จะงดงามกว่าหยก ที่มีสีเข้มบ้าง อ่อนบ้าง ๆ ไม่ทั่วเม็ด

▬ หลาย ๆ ท่าน ก็จะชอบหยกที่มี 3 สี อยู่ในเม็ดเดียวกัน ถือเป็นสิริมงคลกับชีวิต เรียกกันว่า "ฮก ลก ซิ่ว" สีทั้งสาม ในหยกเม็ดเดียวนั้น ก็ควรมีความเข้ม และชัดเจน ของแต่ละสี ซึ่งจะงดงามมาก

▬ เนื้อหยกควรมีความมันวาว ใส และเรียบ ไม่ควรมีริ้วรอย แตกร้าวในเนื้อ หรือมีตำหนิ จุดด่างดำคล้ายสีสนิม ประปราย อยู่ในเนื้อหยก เนื้อหยกอาจจะมีริ้วลายหินขุ่นขาว แทรกอยู่ในเนื้อพลอยบ้าง ตามธรรมชาติ แต่การมีรอยแตกร้าว จะถือว่าด้อยความงาม และด้อยคุณภาพในการใช้สอย

▬ หยกธรรมชาติ มีสีสันต่าง ๆ อยู่หลายสี เช่น เขียว ม่วง เหลือง ส้ม ขาว เทา ฯลฯ
- สีเขียวที่นิยมนั้น ควรมีสีเขียวเข้มสดใส ไม่ดำคล้ำ เช่น เขียวสดเข้ม คล้ายสีเขียวที่แววขนหางนกยูง หรือเขียวเข้มสด คล้ายเขียวมรกต ที่เขียวเข้มสดใส
- สีม่วงที่นิยมนั้น ควรจะมีสีม่วงเข้มสวย ไม่อมเทา และไม่ออกสีขาวหม่น คล้ายสีของเผือก
- สีเหลืองที่นิยมนั้น ก็ควรจะเป็นสีเหลืองสดใส ไม่ว่าจะเป็นสีเหลืองอ่อน หรือสดเข้ม
- สีส้มที่นิยมนั้น ควรเป็นหยก ที่มีสีส้ม หรือสีแสดสดใส ไม่ควรมีสีออกทางน้ำตาล
- สีขาวที่นิยมนั้น ควรจะเป็นสีขาวผ่องนวลจริง ๆ ไม่อมสีเทา ไม่ออกสีเนื้อ หรืออมเหลืองใด ๆ

▬ หยกที่มีคุณภาพดี เหมาะแก่การนำมาเป็นเครื่องประดับ เป็นอัญมณีอันมี ค่านั้น ต้องเป็นหยกเนื้อแข็ง (Jedeite)

(จากหนังสือเคล็ดลับสารพันอัญมณี)