อาถรรพ์ของพลอย ภาค 37

เล่าเรื่องโดย คนหาพลอย

▬ สวัสดีครับ ตอนที่แล้ว ผมเล่าถึง ตอนกลับมาจากเมืองมันดาเล มาถึงย่างกุ้งนะครับ ผมและพวกญี่ปุ่นขึ้นไปอาบน้ำบนห้อง และลงมาท่านอาหารเย็น ด้วยกัน ที่ห้องอาหารของโรงแรม ในระ หว่าง ที่ทานอาหาร พวกญี่ปุ่นขอให้ผมเล่า เรื่องประวัติศาสตร์ ไทยกับพม่าให้ฟัง ตอนรบกัน และผมก็ได้เล่า ให้พวกเขาฟัง แบบตามที่เรียนมา เมื่อผมเล่าจบ พวกเขาก็พอจะเข้าใจ อะไรบางอย่างได้บ้าง พวกเขาบอกผมว่า เขาจะคอยดู พรุ่งนี้ตอนเช้าไปไหว้ พระเจดีย์ ชเวดากอง ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น อีกหรือไม่ มีญี่ปุ่นอยู่คนหนึ่งเขา บอกผมว่า ตอนที่เขาไปทำงานที่ อินโดนีเซีย ก็มีคนเคยเจอเหตุการณ์ ในลักษณะแบบนี้เหมือนกัน เป็นญี่ปุ่น คนหนึ่ง ไปทำงานที่เมืองบันดุง ในอิโดนีเซีย เวลานอนตอนกลางคืน จะฝันเห็นผีมาหลอก ทุกคืนเลย ทำให้อยู่ ไม่ได้ ต้องส่งกลับไปญี่ปุ่น เมื่อกลับไปญี่ปุ่น ก็ไปหาผู้ทรงศีล ช่วยตรวจดูให้ ผู้ทรงศีลก็บอกว่า ตอนสมัยสง ครามโลก เคยไปรังแก คนอินโดนีเซียไว้มาก พอชาตินี้กลับมาเกิดใหม่ เลยเป็นแบบนี้ และไม่แนะนำ ให้ไปทำ งานที่นั่นอีก และพวกเขาก็เชื่อเรื่อง แบบนี้ยิ่งกว่าคนไทยอีกครับ (โดยปกติแล้ว คนญี่ปุ่นจะกลัวผี และเชื่อเรื่องแบบนี้ ยิ่งกว่าคนไทยอีก แต่เขาไม่ค่อยจะพูดกัน เท่านั้นเอง ครับ ญี่ปุ่นบางคน ก็ไม่กล้าเข้าไปเมืองจีน ท่านเชื่อหรือไม่?

▬ ขนาดอยู่ที่นี่ บางสถานี มีซากสัตว์ใหญ่ ๆ เช่น เสือ หรือช้างตาย อยู่ใกล้ ๆ สถานี ผมเดินเข้าไปดู แต่พวกเขาก็ ไม่กล้าเข้าไปใกล้ ๆ เลย บางสถานี ก็มีคนตาย อยู่ใกล้ๆ อีแร้งมากิน เหลือแต่กองกระดูก ผมเดินเข้าไปดู แต่พวกเขา ไม่มีใครกล้า เข้าไปดูเลย บอกผมว่ากลัว ผี ( ผีคนดำนะครับ ) หากท่านมีเพื่อน ที่เป็นคนพม่า ท่านลองพาเขา ไปเที่ยวที่อยุธยาดูนะครับ ว่าจะเกิดอะ ไรขึ้นกับ พวกเขา ผมมีเพื่อน ที่เป็นคนพม่าหลายคน เวลาผมพาเขาไปเที่ยว ที่อยุธยาไม่มีคนไหนกล้าลง ไปเดิน เลยสักคนเดียวครับ แต่ละคนนั่งดู อยู่แต่บนรถครับ ผมก็ไม่กล้า ถามพวกเขา หรอกครับ ขนาดผมจะ พาไปไหว้พระ ที่วัดใหญ่ชัยมงคล แต่พอถึงวัดแล้ว ก็ไม่กล้าลงไป ฮิ ฮิ) พวกเรา เมื่อท่านอาหารกันเสร็จ ต่างคนก็แยกย้ายกัน ไปนอน ผมขึ้นไปนอนบนห้อง

▬ ก่อนผมหลับผมนั่ง สมาธิอธิษฐานว่า หากมีอะไรที่ ผมต้องทำอีก ก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บอกผมมาเถิด หากผมทำได้ ผมจะทำให้ เพราะพรุ่งนี้เช้า จะกลับเมืองไทยแล้ว และผมก็นอนหลับ ผมครึ่งหลับครึ่งตื่น มีผู้หญิงมาเรียกผมอีก เมื่อผม ตื่นขึ้นมา ก็เห็นเธอมาหาผมอีก และบอกผมว่า ที่เจดีย์ชเวดากองนี้ นอกจากเธอ จะต้องกล่าวอโหสิกรรม ให้ พวกเขาแล้ว ยังต้องกล่าวอนุโมทนาบุญ ยกทองคำทั้งหมด ที่พม่าได้ปล้นเอามา จากเมืองไทยถวาย ให้เป็นสม บัติ ของพระพุทธศาสนาไป เหตุเพราะยังไม่มีคนไทย คนไหนเลย สักคนเดียวที่มา ไหว้พระเจดีย์ แล้วกล่าว อนุโมทนาบุญ ถวายทองคำทั้งหมด ให้เป็นสมบัติ ของพระพุทธศาสนา หาไม่แล้ว พวกเขาก็ยังต้อง ตกนรกอยู่ ที่เจดีย์ชเวดากองนี้ ในสมัยก่อน พวกทหารพม่า ก่อนออกไปรบ พวกเขาจะพากัน มาขอพรเพื่อให้รบชนะ ณ ที่แห่งนี้ เมื่อเธอพูดจบ ผมก็มองเห็นภาพ ทหารพม่าแต่งตัว แบบนักรบโบราณ เป็นแสนๆ คน นั่งคุกเข่า รายล้อมรอบ ๆ เจดีย์ ยกมือไหว้ พระเจดีย์กล่าวขอพร จากพระเจดีย์ว่า ขอให้รบชนะไทย ขอให้รบชนะยูเรีย และภาพต่อไป ผมเห็นพวกเขา ขนทองคำใส่เกวียน มาหลายเล่มเกวียน โห่ร้องมา ด้วยความดีใจ นำมาที่เจดีย์ นี้ และเมื่อมาถึงเจดีย์ พวกเขาก็มีอันเป็นไป ในพริบตานั้น ผมเห็นพวกเขา ร้องโอดโอย ด้วยความเจ็บปวด บาง คนก็ถูกไฟไหม้ ไปทั้งตัว บางคนก็กำลังเดิน เข้าไปในกองไฟ บางคนก็กำลังโดนย่าง อยู่บนกองไฟ เป็นหมื่น ๆ คน ทองคำที่กำลัง โดนหลอมละลาย อยู่ในเบ้าหลอม กำลังร้อนๆ มีคนยกไปเทราด ลงบนตัวพวกเขา ให้ได้รับ ความเจ็บปวด นอนดิ้นร้องโอดโอย เธอพูดต่อไปว่า ถึงแม้พวกเขา จะนำทองคำ มาหุ้มพระเจดีย์ ก็จริงอยู่แต่ บาปกรรม ก็ยังไม่ได้หมดไป เพราะได้มาโดย ที่เจ้าของเดิมไม่ได้ยินดีให้ หรือได้มาโดย ไม่บริสุทธิ์ นั่นเอง พวกเขาจึงยังเป็นอยู่ แบบที่เธอเห็นนี่แหละ ต่อไปเธอ จะทราบเรื่องทองคำ ทั้งหมดนี้ และเธอต้องไป ที่ประตูทางขึ้น ด้านทิศตะวันออกด้วย

▬ ผมถามว่า ไปทำไมหรือ ? เธอตอบว่า ประตูด้านนี้ เมื่อร้อยกว่าปี ก่อนนี้ ในสมัยรัชกาลที่สี่ของไทย ท่านได้บริจาคเงินให้ กับพม่า มาบูรณะซ่อมแซม เจดีย์ ตอนที่พม่าเริ่ม เอาทองคำมาหุ้มเจดีย์ เพราะกลัวพวกอังกฤษ จะขนเอาทองคำ ไป แต่พม่านำเงินนั้นมา ทำประตูทางขึ้น และรูปปั้นสิงโต แปดตัวทั้งสี่ทิศ และเมื่อท่านทราบเรื่องเข้า ท่านได้ ส่งคนมา ตั้งชื่อสิงโต ทั้งแปดตัวนั้นว่า ให้ชื่อสยามสิงห์ ราชสยบปฐพี เพื่อให้สิงโต ได้เฝ้าสมบัติของไทย ไม่ให้ พวกอังกฤษ ที่กำลังล่าเมืองขึ้น และปล้นสมบัติ ของประเทศราช ไปเป็นของอังกฤษ ท่านจึงสะกด ทุกอย่างเอาไว้ ที่นั้น เพื่อไม่ให้ใครขนเอาไป แต่ชื่อนี้ได้สยบวิญญาณ ของทหารพม่า ที่มาขอพรพระเจดีย์ก่อนไปรบ กับไทยไม่ ให้ไปผุด ไปเกิดด้วย และยังสยบทุกอย่าง เกือบจะทั้งแผ่นดิน พม่าก็ว่าได้ บัดนี้ถึงเวลาแล้ว เธอจงไปที่ประตูด้าน นั้น แล้วเปลี่ยนชื่อ ให้สิงโตทั้งแปดตัวนั้น ใหม่ (ท่านบอกวิธีให้ผม แต่ผมไม่สามารถเล่าได้ครับ) พรุ่งนี้เช้าเมื่อ เธอไปไหว้พระเจดีย์ พวกพม่า จะคอยจ้องดูเธอว่า มีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง และเมื่อพวกเขาถามเธอ จงบอกพวกเขาไป ว่า (….ไม่สามารถเล่า บอกท่านได้ครับ)

▬ เหตุการณ์ภายหน้า จะค่อย ๆ ดีขึ้น เธอตื่นได้แล้ว ผมตื่นขึ้นมาตีห้าครึ่งพอดี และนั่งทบทวน เรื่องราวทั้งหมด เพื่อให้จำได้ ทุกตอน ผมอาบน้ำแต่งตัว เก็บของ แล้วไปรอ พวกญี่ปุ่น อยู่ที่ห้องอาหาร สักพักพวกเขาก็ลงมา เราทานอาหารกันไป ก็คุยเรื่องที่จะไปไหว้พระ ก่อนกลับ พวกเขาอยากรู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้น และเมื่อเราทาน อาหารกันเสร็จแล้ว พวกพม่าก็มารับเราไปไหว้พระ ที่เจดีย์ชเวดากอง คนขับรถพาเราไปขึ้น ทางประตูด้าน ทิศตะวันออก (สมัยนั้นยังไม่มีลิฟท์ขึ้น) ที่เจดีย์นี้เปิดตั้งแต่เช้า หกโมงเช้า ให้คนเข้าไปไหว้พระกัน พวกเรา มาถึงก็แปดโมงเช้าพอดี คนยังไม่มากเท่าไร พวกเราเดินผ่าน รูปปูนปั้นสิงโต ตรงบันไดทางขึ้น ผมนึกในใจว่า ต้องเป็นสิงโต สองตัวด้านนี้ แน่นอนที่ต้องมาทำตาม ที่ฝันเห็น พวกพม่าจัดการชื้อบัตรผ่าน ให้พวกเราเข้าไป ไหว้พระ เสียค่าเข้าคนละ ห้า เหรียญ USD สำหรับคนต่างชาติ พวกพม่าแนะนำเราว่า เมื่อเราไหว้พระเจดีย์ เสร็จแล้ว ให้ไหว้เทวดา ประจำวันเกิด ของแต่ละคน ที่สร้างเป็นรูปปูนปั้นไว้ รอบเจดีย์และ ตักน้ำรดพระประ จำวันเกิด ด้วย ผมขอกราบพระเจดีย์ ด้านทิศตะวันออก พวกญี่ปุ่นและพม่า คอยจ้องดูผม เป็นตาเดียวกันว่าจะ มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น มาอีกหรือเปล่า อากาศสดใสไม่ร้อน พื้นรอบ ๆ เจดีย์ปูด้วยหินอ่อน หากมาสายต้อง เดินเท้าเปล่า คงร้อนหน้าดู

▬ ผมนึกในใจ ผมนั่งลงหลับตา พนมมือ ตั้งนะโมสามจบ และเมื่อผมกล่าวในใจ ถึงจบที่สาม ผมได้ยินเสียงหนึ่ง ดัง แคร๊กๆ อยู่ด้านหน้าผม ๆ ลืมตาขึ้นมองดู ผมก็ต้องสะดุ้ง ตรงหัวเข่า ด้านหน้าผม มีแผ่นทองคำสีเหลือง กว้างยาวประมาณขนาด 8x8 นิ้ว และบางขนาดเท่าสังกะสีมุงหลังคาบ้าน เห็นจะได้ อยู่แผ่นหนึ่ง อยู่ ตรงหน้าผม ๆ รีบหยิบขึ้นมาดูทันที ใจผมก็ต้องเต้นตุบๆ อีกครั้ง ผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว พวกญี่ปุ่นและพม่า อยู่ห่างจากผมสักสามเมตร เห็นจะได้ รีบเดินมาที่ผมทันที และขอดูแผ่นทองคำนั้น ผมส่งให้พวกเขาดู ณ ที่ นั้น สายตาทุกคู่แม้แต่ผม ก็ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองตั้งแต่ยอดเจดีย์ลงมาเรื่อยๆ จนถึงพื้นที่พวกเรายืนอยู่ ผมนึกในใจว่า มันหล่นลงมาจาก ตรงส่วนไหนของเจดีย์นะ ?

▬ พม่าคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า หากเขาไม่ได้เห็น ด้วยตาตนเอง เขาจะไม่เชื่อเรื่องนี้เด็ดขาด ถ้ามีคนเล่าให้ฟัง ทุกคนมองมาที่ผมเป็นตาเดียวกัน พม่าหัวหน้า ทีมสำรวจถามผมว่า แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไป ? ผมได้แต่มองหน้าพวกเขา และขอทองคำแผ่นนั้นคืน ผมนั่งคุกเข่าลง กับพื้นอีกครั้ง พนมมือชูทองคำแผ่นนั้น ขึ้นเหนือหัวแล้วกล่าว อธิษฐานในใจ ว่า ณ ที่แห่งนี้ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ สถานที่แห่งนี้ และบรรพบุรุษของพม่า มอญ ชนกลุ่มน้อยทั้งหลาย ใน แผ่นดินนี้และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในแผ่นดินนี้ ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม ทั้งหลาย ที่ได้ทำกันไว้ แต่ชาติปางก่อนในอดีต แทนคนไทย ทั้งประเทศด้วย และไม่ขอจองเวร ซึ่งกันและกันอีก ขอให้ท่านทั้งหลาย จงไปผุดไปเกิดในที่ๆ ท่านทั้งหลาย ชอบด้วยเถิด และหากมีผู้หนึ่งผู้ใดมาขอพร เพื่อไปทำร้ายผู้อื่น ไปรังแกผู้อื่น และคนไทยอีก ก็ ขอให้ผู้นั้น อย่าได้ขยับเขยื้อน ไปจากที่ ๆ เขามาขอพรนั้นเลย จนกว่าเขาจะเปลี่ยนใจ กลับตัวเป็นคนดี และ ให้พรนั้น กลับเป็นให้แผ่นดินไทย มีคนดี คนเก่ง คนกล้า เต็มบ้านเมือง ขอให้ประเทศไทย ร่ำรวยมีทรัพย์สิน เงินทอง เป็นมหาอำนาจ ทั้งในโลกนี้ และทั้งจักรวาลนี้ ด้วยเถิด ทองคำและสมบัติ ทั้งหลาย ที่เขาเหล่านั้น ได้เอามาแล้วนี้ และที่อยู่เบื้องหน้า ข้าพเจ้านี้

▬ ข้าพเจ้าขออนุโมทนา แทนคนไทย ทั้งประเทศ ทวายเพื่อเป็นพุทธบูช าแก่พระพุทธศาสน าสืบต่อไปด้วยเถิด เมื่อจบคำอธิษฐาน ของ ผม เสียงสิงโตทั้งสี่ทิศ ก็คำรามดังสนั่น กึกก้องสะเทือน ไปทั่วแผ่นดิน ผมตกใจลืมตาขึ้น พวกญี่ปุ่น และพม่า รีบนั่งคุกเข่า ก้มลงกราบพระเจดีย์ เกือบพร้อมเพรียงกัน เสียงผู้คนแตกตื่น ไปทั่วบริเวณ บางคนวิ่ง บางคนเงย หน้ามองฟ้า บางคนรีบก้มลง กราบพระเจดีย์ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงสิงโต หรือเสียงฟ้าคำรามกันแน่ สัก ครู่เสียงนั้น ก็เงียบหายไป ผมก้มกราบ พระเจดีย์อีกครั้ง และเมื่อผมลุกขึ้นยืน ก็มีเจ้าหน้าที่ของทางรัฐบาล ที่ดูแลสถานที่อยู่ สามสี่ คนเดินมา ที่พวกเรายืนอยู่ ถามว่า มีอะไรหรือเปล่า ? ผมส่ายหน้าไปมา และยื่นแผ่นทองคำ ส่งคืนพวกเขาไป เมื่อพวกเขารับ แผ่นทองคำไป พวกเขาก็ต้องสพดุ้งตกใจ มองมาที่ผมเป็นตาเดียวกัน พม่าหัวหน้าทีมสำรวจ เอ่ยพูด กับพวกเขาไปว่า ยูเรีย นะ (หมายถึงบอกให้เขารู้ว่าผมเป็นคนไทย) ผมมองดูพวกเขา หน้าซีดและตัว สั่น ผมรีบจับมือทักทาย กับพวกเขา และบอกพวกเขาไปว่า เอาทองคำแผ่นนี้ไปปิดไว้ ที่เดิมด้วย ไม่รู้ว่าหล่น ลงมาจากตรงส่วนไหน ของเจดีย์ ผมเงยหน้ามองท้องฟ้า และบอกพวกเขาไปว่า ฟ้าร้องแล้วเดียวฝนจะตก พวกเราขอตัวกลับก่อน และผมก็หันไปชวน พวกญี่ปุ่นและพม่ากลับ ไม่ได้สนใจว่าเจ้าหน้าที่ พวกนั้นจะ เอาทองคำแผ่นนั้น ไปทำอะไรต่อไป และผมก็ไม่ได้สนใจว่า ใครจะคิดอย่างไร และก็ไม่มีใจที่จะไปสนใจ ดูสิ่งอื่นๆ ต่อไปอีก

▬ ใจผมเต้นตุบ ๆ คิดอะไรไม่ออกแล้ว เลยรีบชวนพวกเขาเดินกลับ และก็ไม่มีใครทักท้วง เลยสักคน พวกเขาก็รีบเดินตามผมมา พวกเราเดินวนรอบเจดีย์ และกลับลงมาทางเดิม ผมหันไปบอกพวกพม่าว่า ไปดูรูปปั้นสิงโตกัน หน่อยดี กว่านะ แล้วผมก็รีบเดินลงบันไดมาที่รูปปั้นสิงโต ด้านทิศตะวันออกนั้นทันที สิงโตตัวใหญ่สูง เกือบสี่เมตร ผมเดินไปที่ตัว ด้านซ้ายมือก่อน แล้วเอามือตบไปที่ขา สิงโตเบา ๆ สามที แล้วกลับลงมาที่ ตัวด้านขวามือบ้าง เอามือตบไปที่ขามัน อีกสามที่เบา ๆ แล้วลงไปยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างสิงโตทั้งสองตัว ผมยืนจ้องมองไปที่ หน้าสิงโต ทั้งสองตัวอีกครั้ง และยกมือทั้งสองชี้ ไปที่สิงโตทั้งสอง แล้วพูดว่านี่แนะ เจ้าสยามสิงห์ราชสยบปฐพี เจ้าจ่าฝูง ข้ามาขอชื่อนี้คืน ต่อไปนี้ชื่อของเจ้าคือ ศรีสุวรรณสิงห์ราช เจ้าทั้งหมด จงมีหน้าที่ดูแล พระพุทธสถาน แห่งนี้เถิด ไม่มีตัวผู้ไม่มีตัวเมีย จงเท่าเทียมกัน และทำหน้าที่ของเจ้าต่อไป ผู้ใดก็ตาม ที่มองดูหน้าเจ้า ขอให้เขาผู้นั้นเป็นคนดี หากเขาทำชั่วเจ้าจงกิน เขาเป็นอาหารเถิด เมื่อผมพูดจบเสียงสิงโต ก็คำรามดังกึกก้อง ไปทั่วอีกครั้ง และฉับพลันนั้น สิงโตก็ลืมตาอ้าปากขึ้น แลบลิ้น ออกมาชี้ฟ้า ไม่มีตัวผู้ และตัวเมียตั้งแต่บัดนั้น เป็นต้นมา ผู้คนทั่วบริเวณนั้น ต้องแตกตื่นกันอีกครั้งหนึ่ง ผมเดินกลับไปที่พวกพม่า และที่ญี่ปุ่นยืนอยู่ และบอกพวกเขา ว่าไม่มีอะไรหรอก เสียงฟ้าร้องนะ กลับกันเถิด แต่พวกเขาก็หันมาถามผมว่า

▬ คุณทำอะไรของคุณ? ผมบอกไป ว่า กลับขึ้นรถเถิด แล้วผมจะเล่าให้ฟัง เมื่อทุกคนขึ้นมาบนรถ ผมก็เล่าให้พวกเขาฟังว่า ที่เหตุการณ์ทั้งหลาย เป็นอย่างที่พวกคุณเห็นนั้น ก็เพราะว่า พวกคุณไม่เคยทำ บุญอุทิศส่วน บุญส่วนกุศลให้กับ บรรพบุรุษของพวก คุณเลย พวกคุณเอาแต่ ทำบุญให้แก่ตัวเอง ได้แต่ไปอ้อนวอน ให้ตัวเองร่ำรวยและสุขสบาย โดยไม่เคยนึกถึง บรรพบุรุษ ที่เสียเลือดเนื้อ สร้างชาติ สร้างแผ่นดิน ไว้ให้พวกคุณได้อยู่ พวกเขายังตก ทุกข์ทรมาน อยู่ก็เพื่อให้ พวกคุณได้มีแผ่นดินอยู่ แต่คุณไม่เคยนึกถึงพวกเขาเลย แต่เมื่อผมมาที่นี่ ตั้งแต่ก่อนที่ผมจะ เหยียบแผ่นดินคุณ ผมก็นึกถึง บรรพบุรุษของผมแล้ว ผมได้นึกย้อนหลัง ไปเป็นร้อยๆ ปี นึกถึงพวกเขาตอนสร้างชาติ ไว้ให้ผมได้มีแผ่นดินอยู เมื่อผมได้มีโอกาส ไปในที่ต่างตามประ วิติศาสตร์ ผมก็นึกถึงพวกเขา เมื่อมีโอกาสทำบุญ ผมก็ทำบุญไปให้พวกเขา แต่พวกคุณไม่เคยเลยที่จะนึกถึง พวกเขา แต่เมื่อพวกเขาได้รับส่วนบุญ ส่วนกุศลที่ผมทำไปให้ เขาจึงแสดงสิ่งต่าง ๆ ออกมาให้พวกคุณได้เห็น นั่นแหละ เมื่อผมพูดจบพม่าหัวหน้าทีม เอ่ยถามผมว่า คุณทำบุญให้พวกเขาหรือ ? ผมตอบว่า ใช่ผมทำให้ทั้ง บรรพบุรุษคนไทย และบรรพบุรุษพม่ าและชนเชื้อชาติต่าง ๆ อีกมากมาย ตามที่ผมจะนึกได้ ผมบอกพวกเขาต่อ อีกว่า ที่เมืองมันดาเล ในพระราชวังเก่านั้น พวกคุณควรจะ ขุดเอากระดูกบรรพบุรุษ ขึ้นมาทาบุญได้แล้ว ให้ เขาได้ไปผุดไปเกิด ไม่อย่างนั้นประเทศคุณ ก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ วิญญาณของพระราชินี จอมโหดร้ายจะไปเข้า สิง อยู่ตามร่างของผู้หญิงพม่า ให้แสดงความรุนแรงออกมา ส่วนผู้ชายก็จะแสดง ความป่าเถื่อนออกมา ผมขอ ให้คุณ หาทางนำกระดูก พวกเขาออกมาทำบุญเถิด บ้านเมืองคุณ จะได้สงบร่มเย็น เมื่อผมพูดจบ ทุกคนก็นิ่งเงียบ ไปทั้งคันรถ ญี่ปุ่นถามผมว่า คุณหมายถึงในพระราชวังมันดาเล ยังมีกระดูกคนตาย ฝังอยู่ใช่หรือไม่? ผมตอบ ว่าใช่มีอยู่เกือบจะทุกตารางนิ้วเลย แม้แต่ใต้ตำหนักต่าง ๆ ก็มี พม่าถามผมว่า แล้วเขาควรจะทำอย่างไรดี ? ไม่ มีใครกล้าไปบอก รัฐบาลหรอก ผมแนะนำพวกเขาไปว่า อย่างนั้นพวกคุณก็ควร ทำบุญไปให้พวกเขาบ้าง นึก ถึงพวกเขาบ้างเวลาทำบุญ ไม่ว่าพวกเขาจะดีหรือชั่ว พวกคุณก็เกิดไม่ทันพวกเขา ไม่รู้ว่าเห็นการณ์ในสมัย พวกเขาเป็นอย่างไร ทางที่ดีคุณทำบุญ แล้วนึกถึงพวกเขาบ้าง

▬ และเมื่อผมพูดจบ รถก็พาพวกเรามาถึงบ้านพัก ของท่านนายพลผู้เฒ่า เพื่ออำลาก่อนกลับ ณ บ้านพักอดีตนายพลผู้เฒ่า ( ต้องขอโทษด้วยเล่าต่อ ลำบากมากครับ ขอจบไว้แค่ตอนนี้ก่อนนะครับ) ถึงท่านทั้งหลาย จากที่ผมเล่ามา ท่านเห็นแล้วว่าบ้านไหน เมืองไหนที่มีแต่ คนอิจฉาริษยากัน ทะเลาะกันเอา เปรียบกัน ต่อไปบ้านเมืองนั้น ก็จะมีจุดอ่อน ให้พวกไม่หวังดี ยุแย่ให้แตกแยกกัน เพื่อฉกฉวยโอกาส ไปเป็นของ เขา คนที่ดี ๆ เขาก็ไม่อยากมาเที่ยวชม เพราะจะพบแต่เรื่องไม่ดี หรือแม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านก็ไม่อยากรับรู้เรื่อง แบบนี้

▬ เดี๋ยวนี้ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ใหญ่ ๆ นั้นเขาก็มีแต่เรื่อง ที่ทะเลาะ กันให้คนเข้าไประบายอารมณ์กัน หรือพูด ภาษาชาวบ้านว่าเป็นเว็บไซต์ กะหรี่ เป็นที่ระบายความใคร่ ของใครบางคน ท่านทั้งหลายอย่าทะเลาะกัน แบบ นั้นนะครับ เรามีพ่อแม่มีครูบาอาจารย์ เรามีนายหลวง มีพระราชินี ท่านสอนเรามาดีแล้ว เราอย่าไปยุ่งกับเรื่อง แบบนั้นเลย หากท่านรู้เข้า ท่านคงเสียใจ หากจะทะเลาะกัน ด้วยวิชาการ เหมือนบัณฑิต คุยปัญหากับบัณฑิต ก็ขอให้ถกปัญหากัน แบบเดียวกับที่ในหนัง สือ มิลินทปัญหา นะครับ มหาบัณฑิต อย่างพระเจ้ามิลินทร์ ถกปัญหากับ มหาบัณฑิตผู้รู้อย่าง พระนาคเสนเถรเจ้า อย่างนั้นแล้ว ผู้ที่เข้ามาฟังมาชม จะได้ความรู้ และไม่เกิดปัญหา ตามมาที่หลังครับ อย่าห่วงเรื่องสินค้า จะขายไม่ได้นะครับ หากเว็บไซต์ของท่าน มีแต่เรื่องดี ๆ ที่คนเข้ามาอ่านแล้ว ได้ความรู้ความ สบายใจกลับไป เขาก็จะเข้ามาบ่อย ๆ และสักวันหนึ่งเขาเห็นคุณค่า ของเว็บไซต์ท่าน เขาก็จะช่วยท่านซื้อสินค้าเอง แหละครับ

▬ ของที่สวยงาม หากนำมาประดับ ร่างกายก็จะทำให้ดูดี มีคุณค่าใคร ๆ ก็อยากนำมาประดับ ร่างกาย ทั้งนั้นแหละ ครับ และเมื่อประดับแล้ว จิตใจก็ได้รับความสุขไปด้วย และเมื่อจิตใจ มีความสุขแล้ว จะทำการงานอะไรงานชิ้น นั้น ๆ ก็จะออกมาดี เป็นที่พอใจของ ผู้พบเห็นครับ เหมือนช่างที่เจียระไนหิน หรือทำตัวเรือนต่าง ๆ นั้นหากเขาจิต ใจไม่ดี ผลงานก็จะออกมาไม่ดี หากเขาจิตใจดี เขาก็จะทำออกมา ได้สวยงามมากครับ ลองดูช่าง ของท่านซิครับ ผมเข้าใจว่า ท่านเจ้าของเว็บไซต์ อาจมีหลายคน และแต่ละคนก็มีความรู้ จบมหาวิทยาลัยกันทุกคน และท่านลอง เปิดคอลัมน์ เขียนบทความดี ๆ ดูซิครับ เดี๋ยวคน ก็เข้ามาหาความรู้เอง หรือเล่านิทาน ที่ดีๆก็ได้ ที่เป็นประโยชน์ต่อ สังคมและบ้านเมือง เดี๋ยวของ ๆ ท่านก็ขายดีเองแหละครับ คนไทยไม่ใช่คน ใจดำนะครับ เดี๋ยวเขาก็สงสารท่านและ ช่วยอุดหนุนสินค้า ของท่านเองแหละครับ และก็ไม่จำเป็นว่า จะต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหิน หรือเพชรพลอยด้วย ครับ เรื่องอะไรก็ได้ ที่คนอ่านแล้วรู้สึกว่าดี มีคุณค่าเป็นประโยชน์ต่อเขา เพราะเดี๋ยวนี้เว็บไซต์ ใหญ่ ๆ ต่าง ๆ นั้นส่วน ใหญ่แล้วก็เห็นแก่ตัว จะล่อหลอก ให้คนเข้าไปทะเลาะกัน บ่อนทำลายจิตใจ ผู้คนโดยไม่รู้ตัว

▬ แต่บางเว็บก็มีเรื่องดี ๆ ที่หน้ายกย่อง แต่พวกเขา ก็อยู่ไม่ได้นาน เพราะไม่มีสินค้าขาย ไม่ค่อยมีคนสนับสนุน ด้านเงินทอง จึงไม่ค่อยได้ update เว็บไซต์เท่าไร คนเข้าไปสองสามครั้ง ก็จะรู้สึกเบื่อ ส่วนเว็บไซต์ ของบริษัทใหญ่ ๆ นั้นอย่าไปห่วงเขาเลย ครับ เขาไม่ค่อยสนใจ อะไรหรอกครับ เพราะตัวผมเอง ตอนนี้ คอมพิวเตอร์ผมมีปัญหา แล้วละครับ ที่นี่ไฟฟ้าดับ วันละเป็นร้อยครั้ง ยิ่งไปอยู่ตาม site งานต่าง ๆ ด้วยแล้วไฟตก เครื่องแฮ้ง อยู่เป็นประจำครับ ผมคงเขียนให้ท่านได้แค่ตอนนี้ เท่านั้นแหละครับ หาก เขียนต่อไปอีก ผมคงทุบคอมพิวเตอร์ ผมพังแน่ๆเลย คอมตัวนี้ญี่ปุ่นให้ผมมาครับ ลง Windown ไทยไม่ได้ word ที่ผมใช้พิมพ์ ให้ท่านนี้ผมก็ หา font ภาษาไทยมาใส่พิมพ์เอาครับ ไม่มี dict ไม่มี program สำเร็จรูปในตัวหรอก ครับ ยิ่งมาเจอสภาพแบบนี้ ด้วยแล้ว ผมต้องขอหยุดเล่าไว้ แค่นี้ก่อนนะครับ

▬ จะใช้คอมที่ทำงานอยู่ ก็เกรงใจคน ที่เขาทำงาน อยู่นะครับ หวังว่าท่านทั้งหลาย คงเข้าใจผมนะครับ เพราะผมต้องรีบทำงาน ให้แล้วเสร็จ ก่อนสิ้น เดือนนี้ครับ ทางบริษัทต่อ หนังสือเดินทาง ให้ผมอยู่ต่ออีก 15 วัน ผมจึงจะได้กลับไป เมื่อผมกลับไปอยู่บ้านแล้ว ผมค่อยเขียนเล่าต่อ ก็ได้ครับ หากทางเจ้าของเว็บ อยากให้ผมเล่าต่ออีก ความจริงผมอยู่ที่นี่ ผมก็มีเวลาว่างไปหาหินหา พลอยหาเพชร ด้วยเหมือนกันครับ แต่ว่าผมไม่ได้อยู่ที่บ้านก็เลย ไม่ค่อยจะกล้า เล่าให้ท่านฟังตอนนี้ครับ และผมก็หวังว่าท่านก็ รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ? นะครับเอาไว้ให้ผมกลับบ้าน ก่อน แล้วค่อยเล่าให้ฟัง นะครับ หากต้องการให้ผมเล่าต่อ เพราะผมเองตอนนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าทางเว็บ เป็นอย่างไรบ้าง แต่น้องผม ก็ว่าไม่มีอะไร ก็เป็นปกติดี แต่ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยตัวเองเลย ก็ยังคิดอยู่ในใจครับ สวัสดีนะครับ จาก..คนหาพลอย ..7/10/04

จาก Web board 'คุยเฟื่อง เรื่องหิน' กระทู้ที่ 1876