อาถรรพ์ของพลอย ภาค 18

เล่าเรื่องโดย ... คนหาพลอย

▬ สวัสดีครับ ผมจะเล่าต่อเลยนะครับ คืนแรกที่ผมมานอนที่นี่ ผมยังไม่ทันได้นอนเลยครับ พวกคนงานที่อยู่ข้างนอก สิบกว่าคนก็มาเคาะห้องเรียกผมใหญ่เลย ผมถามว่ามีอะไร พวกเขาบอกว่า นอนไม่ได้ ผีหลอก ผมตกใจและหัวเราะ ผมถามว่า เป็นมุสลิม กลัวผีได้งัย พวกเขาบอกว่าหลังจาก ทำละหมาดแล้ว ก็นั่งคุยกันก่อนจะนอน ตอนคุยกันอยู่ในแคมป์ มีคนมาเขย่าแคมป์ โยกเยกเลย นอนไม่ได้ ผมดูแล้วมีสิบกว่าคน หากนอนในห้องกับผมก็เต็มห้องเบียดกันแย่แน่ ผมเลยเอาหมอน กับผ้าห่มไปนอน กับพวกเขา ใกล้ ๆ จะหลับก็มีเสียงดัง เหมือนใครเอาไม้มาเคาะ ข้างฝาเล่น ทุกคนก็นอนไม่หลับ ตื่นขึ้นมานั่งคุยกันอีก

▬ ผมปล่อยให้พวกเขานั่งคุยกัน ผมนอนหลับไป ผมฝันเห็นมีคนนุ่งขาวห่มขาวมาเดิน อยู่รอบ ๆ แคมป์ เต็มไปหมด ผมตกใจตื่น ก็เห็นพวกคนงานกำลังนั่งคุยกันอยู่ ยังไม่มีใครกล้านอน ผมเดินออกมานอกแคมป์ คุกเข่าลงที่พื้นดินหน้าแคมป์ ก้มกราบพระแม่ธรณีสามครั้งอธิษฐาน บอกเจ้าที่เจ้าทาง บอกว่าหากพวกผมทำอะไรผิดไป ก็ขอขมาอาภัยด้วย และพวกผมขอนอนหลับเอาแรง พรุ่งนี้ต้องทำงานหนักกัน แล้วผมก็เดินเข้ามาในแคมป์ บอกให้พวกคนงานนอนได้แล้ว ไม่มีอะไรแล้ว

▬ ผมไม่พยายามคิดอะไรเพราะไม่รู้ว่า ผม หรือใครคนใดคนหนึ่งทำอะไรผิด แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกเลย ตื่นเช้าขึ้นมาพวกคนงานชอบใจ ผมใหญ่เลย พอช่วงประมาณบ่ายโมง มีคนขึ้นมาข้างบน มาคุยกับคนงาน สักพักก็กลับไป ผมเดินไปถามหัวหน้าคนงานว่าใคร ? เขาตอบว่าคนแถวนี้แหละ มาดูว่าเราทำอะไรกัน และคืนต่อมาพวกเราก็นอนกันตามปกติ ผมกลับมานอนในตัวอาคารสถานี คนเดียว พอผมใกล้จะหลับ ผมได้ยินเสียงคนพูดว่า กลับเมืองไทยเถอะลูก ผมไม่เคยกลัวเรื่องพวกนี้ มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว อย่างดีผมก็แค่ตกใจก่อนเท่านั้น

▬ พอผมตั้งสติได้ผมก็สามารถคุยกับผีได้ ( หากมีเวลาจะเล่าให้ฝังนะ คุยกับผีแล้วสนุกมาก อย่าไปกลัวผีนะครับ ของดีเลยแหละจะบอกให้ แค่ตกใจก่อนตอนพบแค่นั้นแหละ) ผมนอนคว่ำหน้า ลงกับที่นอนแล้วถามว่าใคร มีเสียงตอบกลับมาอีกว่ากลับบ้านนะลูก ผมไม่ตอบผมกลับมานอนหงาย ในท่าผีตาย ผมจะอธิบายให้ฟังนะเดียวท่านจะไม่เข้าใจ ทุกคนสามารถทำดูได้รับรองเจอแน่ แต่อย่ากลัวนะ หากเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ และถ้าอยากคุยกับผีต้องนอนถ้านี้ครับ นอนหงาย เหยียดขาตรง เอามือสองข้างไว้บนอก เหมือนมัดตราสังค์คนตายงัยครับ แล้วจะคุยกับผีรู้เรื่อง แต่ถ้าจะให้ผีกลัว ก็ต้องนอนหงายเอามือเหยียดตรง ๆ ทั้งสองมือ

▬ แต่ถ้านี้เกือบจะทุกคนส่วนมากนอนไม่ค่อยหลับกันใช้ไหม ? ต่อนะ พอผมนอนถ้านี้แล้ว ผมเคลิ้ม ๆ เกือบจะหลับ ก็มีคนมาหาผมเต็มไปทั้งห้องเลยบอกผมว่ากลับบ้านนะลูก ๆ ในภวังค์ ผมถามว่าทำไม พวกเขาไม่ตอบแต่เดินจากไป ผมตื่นขึ้นมา นั่งคิดในใจ อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นได้ วันรุ่งขึ้น ประมาณเที่ยง ชาวบ้านคนที่ขึ้นมาเมื่อวานก็เข้ามาอีก มาคุยกับหัวหน้าคนงาน สักพัก หัวหน้าคนงานก็พามาหาผม บอกผมว่าเขาเป็นชาวบ้านแถวน ี้เอาพลอยมาขาย นายจะซื้อไหม ผมถามว่าขอดูซิ ?

▬ เขาเอาออกจากกระเป๋ามาให้ผมดู ผมหยิบมาดู เป็นผลึกทับทิมสีแดงยังไม่ได้เจียระไนสวยมาก ผมคิดในใจ ขนาดคงจะประมาณสามสิบกะรัตหน้าจะได้ ขนาดยังไม่ได้เจีย ยังสวยใสขนาดนี้ แล้วเวลาเจีย เสร็จคงสวยหน้าดู ผมถามว่าเท่าไร ? เขาบอกราคาผม ๆ คิดในใจไม่ถูกไม่แพงเกินไป น่าซื้อไว้ ผมไม่ต่อราคา แต่ถามว่าเป็นพลอยของเขาเองหรือป่าว เขายืนยันว่าใช่และบ้านเขาก็อยู่แถวนี้ แล้วเขาก็อธิบายให้หัวหน้าคนงานฟังว่าบ้านเขาอยู่ ตรงไหนหากมีปัญหาเขารับประกัน ผมก็ซื้อไว้ วันรุ่งขึ้น พอตอนเย็นก่อนผมจะเข้านอน มีรถกระบะวิ่งขึ้นมา มีผู้ชายห้าหกคน ลงจากรถมาแล้ว เดินตรงมาหาผม ในกระบะรถมีชาวบ้านที่เอาพลอยมาขายให้ผมนั่งอยู่

▬ พวกเขาถามผมว่าซื้อพลอยไว้หรือ?ผมบอกว่าใช่ เขาบอกว่าขอซื้อคืนผมเห็นถ้าไม่ดี เลยเอา คืนเขาไป เขาส่งเงินให้ผมครบ แล้วเดินกลับไปที่รถ มีเสียงปืนดังขึ้นสามนัดซ้อน ๆ ผมมองไปที่คน เอาพลอยมาขายให้ผม ฟุบลงไปกับพื้นรถ พวกเขาก่อนขับรถลงไปหันมาบอกผมว่า หากมีคนเอาพลอย มาขายอย่าซื้ออีกนะ พวกคนงานและผมตกใจกันใหญ่ ผมคิดในใจผมทำบาปแล้วกระมัง ผมใจคอ ไม่ค่อยดี พวกคนงานเข้ามาปลอบใจผม และชวนให้ผมไปนอนที่แคมป์ ผมนอนไม่ค่อยหลับทั้งคืนเลย

▬ ตอนเช้าผมบอกพวกคนงานและหัวหน้าคนงานว่า อย่าเล่าเรื่องนี้ให้ญี่ปุ่นฟัง นะ ผมยังทำงานได้ ไม่เป็นไร ทุกคนรับปากผม อีกสองวันต่อมา มีข่าวว่านายกรัฐมนตรีถูกลอบสังหาร มีทหารในตัวเมือง และที่โรงแรม เต็มไปหมดเลย และพอรุ่งขึ้นอีกวันทหารก็ขึ้นมาอยู่กับพวกเราห้าคน ผมถามหัวหน้า คนงานว่าเกิดอะไรขึ้น? เขาตอบว่านายกรัฐมนตรีถูกลอบสังหาร ทางรัฐบาลสงสัยชนกลุ่มน้อย แบ่งแยกดินแดนพวกนี้ เลยส่งทหารมาช่วยดูแลพวกเรา เพราะกลัวเราจะถูกทำร้าย

▬ อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาเกิดฝนตกหนักมาก ติดต่อกันสามวันพวกเรา ทำงานกันไม่ได้เลย พอฝนหาย มีข่าวว่าเหมืองพลอยข้างล่างถูกดินถล่ม ทับคนตายเกือบสามสิบคน ผมและคนงานเอากล้องไป ส่องดูด้านล่าง ก็เป็นตามข่าวจริง ๆ ฝนตกหยุดๆ หายๆ เกือบทุกวัน ญี่ปุ่นไมยอมขึ้นมาช่วยทำงาน พอขึ้นมาก็เอาข่าวมาบอกว่า ห่างจากที่นี่ไปประมาณสิบกว่ากิโล มีชนกลุ่มน้อยถูกฆ่าตายไปเกือบร้อยคน ทางการส่งทหารเข้าไปหลายพันคน เพื่อตามล่าตัวคนบงการลอบสังหาร อีกสองวัน หากสถานการณ์ ไม่ดีขึ้น อาจต้องปิดบริษัทชั่วคราวก่อน

▬ ผมคำนวณงานของผมในใจ หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น งานของผมไม่เกินห้าวันหน้าจะแล้วเสร็จ ฝนตกหยุด ๆ หาย ๆ อีกญี่ปุ่นลงไปรอดูสถานการณ์อยู่ทีโรงแรม ผมให้คนขับรถซื้ออาหาร มาตุน ไว้ให้ผมข้างบนนี้ อีก เช้าวันรุ่งขึ้นเมฆตั้งเค้ามีลมพัดมาอีกฝนทำถ้าจะตกลงมาอีก ผมเดินไปที่ ลานกว้างหน้าตัวอาคารสถานี ยืนหลับตานึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผมเคารพ และพระแม่ธรณีพระแม่คงคา พระพิรุณ พระพาย และลืมตาแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า อธิษฐานในใจว่า ขอท่านจงไปทางอื่นก่อนลูกตั้งใจ จะทำงานให้เสร็จ บุญกุศลที่ได้ทำมาขอยกให้ท่าน ชั่วพริบตาเดียวลมเริ่มเปลี่ยนทิศทาง เมฆเริ่ม เคลื่อนตัวไปตามลม พวกคนงานเดินมาที่ผมแหงนหน้า มองก้อนเมฆ แล้วนั่งคุกเข่าลง กับพื้นทำ ละหมาด ตามศาสนาของพวกเขา พวกเราทำงานกันต่ออีกสี่วัน แต่ละวันอากาศไม่เคยร้อนเลย กลับสดชื่นเย็นสบาย

▬ พวกคนงานทำงานกัน ด้วยความขยันแบบไม่ค่อยพูดอะไรมากเลย ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร แต่แววตาของทุกคนก็แสดงออกมา ด้วยความตื้นตันใจ จนงานแล้วเสร็จ ก่อนที่จะเก็บของกลับ เพียงหนึ่งวัน ตอนเย็นวันนั้น คนงานเดินมาบอกว่า มีพระธุดงค์ มาปักกรด อยู่ใกล้ ๆ ทางขึ้นเขา ผมดีใจรีบลงไปดู พบท่านนั่งอยู่หน้ากรด ผมเข้าไปกราบท่าน แล้วถามท่านว่าเป็นพระไทยหรือป่าว ? ท่านตอบเป็นภาษาไทยว่าใช่ ผมถามว่าเมืองนี้ไม่มีศาสนาพุทธท่านเดินธุดงค์ มาได้อย่างไร ? ท่านบอกว่า ท่านอยู่อินเดียมานานแล้ว ธุดงค์ตามรอยพระบาทพระพุทธเจ้า ในสมัยพระพุทธองค์แถว ๆ นี้เป็นดินแดนพระพุทธ ศาสนามาก่อน ท่านมาจากเมืองไทยหลายปีแล้ว ผมดูท่าทางท่านสงบนิ่งมาก ท่านไม่มีอะไรติดตัวมามาก นอกจากบาตร ย่าม กรด และจีวรเครื่องนุ่งห่มของพระเท่านั้น

▬ ผมถามท่านว่าผมมีรถเข้าไปในตัวเมืองได้ ท่านขาดเหลืออะไรหรือป่าว ผมจะจัดการให้ ? ท่านตอบว่า ท่านก็พึ่งออกมาจากตัวเมือง ผมเลยบอกท่านไปว่า พรุ่งนี้ผมจะทำอาหารมาถวาย ท่านบอกว่าอย่าได้เดือดร้อนแล้วแต่สะดวก ผมดูท่าทางท่านสงบนิ่งมากเลยไม่กล้าถามอะไร และก็แปลก ท่านไม่ถามอะไรผมเลย ผมเลยต้องรีบขอตัวกลับ ผมกลับมาที่สถานีกะว่าจะลงไปซื้อของที่ตัวเมือง พบว่ารถไม่อยู่แล้ว คนขับรถลงไปกับญี่ปุ่นแล้ว ผมแปลกใจทำมัยผมไม่ได้ยินเสียงรถ เพราะผม ก็เดินขึ้นมา ตามทางปกติ หรือตอนที่ผมนั่งคุยอยู่กับพระ แต่ผมก็หน้าจะเห็นรถบ้าง ผมรีบเดินไปด ูตรงที่ผมทำอาหาร ผมมีเหลือแต่บะหมี่แห้งสองห่อเอง ของอย่างอื่นก็หมดแล้ว จะไปขอพวกคนงาน ก็เดี๋ยวพวกเข้าไม่พอกิน และผมยังเอาไปให้พระอีก ผมคิดในใจตอนเช้าต้มบะหมี่ให้ท่านก็แล้วกัน

▬ ก่อนนอนผมก็ไม่ได้กินอะไรเลย ตอนเช้าผมรีบลุกขึ้นมาแต่งตัวต้มบะหมี่ จะนำไปถวายพระ คนงานก็เดินมา หาผม เอาเนื้อเค็มย่าง มาให้ผม พร้อมข้าวห่อหนึ่ง ถามผมว่า จะเอาอาหารไป ให้พระหรือ ? ผมบอกว่าใช่ เขาบอกว่าเขาฝากไปด้วย ผมรับมาด้วยความดีใจ และขอบคุณเขา ๆ มองหน้าผมแล้วยิ้มให้ ผมคิดในใจพวกเขาช่างมีน้ำใจถึงแม้จะคนละศาสนา ก็ยังไม่ปล่อยให้อดอยาก ผมเอาบะหมี่ ใส่ถ้วยพร้อมข้าว และเนื้อย่างและน้ำขวดหนึ่ง ลงมาถวายท่าน พอมาถึงก็พบท่านนั่งรอ อยู่พอดี ท่านเอาบาตรมาตั้งตรงหน้า ผมเอาอาหารถวายท่าน ก่อนท่านจะฉันท่านได้สวดมนต์ก่อน ผมได้แต่นั่งพนมมือ มองดูท่าน แค่ชั่วอึดใจเดียวท่านก็สวดมนต์เสร็จ ท่านค่อย ๆ เปิดฝาบาตรออกมา จมูกผมเริ่มได้กลิ่นหอม ๆ คล้าย ๆ ดอกราชาวดี ซึ่งตอนเช้า ๆ หอมมาก ท่านเปิดฝาบาตรออกมา ผมมองเห็น ภายในบาตรมีข้าว ที่หุงสุกอยู่แล้วประมาณครึ่งบาตร และกำลังมีควันขึ้นมากรุ่น ๆ เหมือนพึ่งจะหุงสุก แต่สีของมัน สีขาวอมชมพู เม็ดไม่สั้นไม่ยาวแต่เรียวสวยมาก กลิ่นของมัน หอมเย็นไปทั่ว บริเวณ ผมพลั้งปากถาม ท่านไปว่า ท่านบิณทบาต มาหรือ ? ท่านตอบว่าใช่ แล้วท่านก็ค่อย ๆ ลงมือฉัน ผมคิดในใจ แปลก ท่านบิณทบาต มีแต่ข้าวแต่ไม่มีกับ ข้าว อีกสักครู่ท่านก็ฉันเสร็จ แปลกอีก

▬ ผมดูข้าวที่บาตรท่าน ยังอยู่เกือบเท่าเดิม แต่ข้าวที่คนงานฝากมาถวายเกือบ หมดรวมทั้งบะหมี่ต้ม ของผมด้วย ผมมองดูท่าน ๆ เอาอาหารที่ผมมาถวาย ที่ท่านฉันเหลือ เทกองไว้บนพื้นดิน พร้อมกับข้าว ในบาตรของท่านอีกนิดหน่อย ท่านพูดขึ้นมาว่านี่ให้นกให้กา และสัตว์เล็กสัตว์น้อย ข้าวที่เหลือในบาตร ท่านเทใส่ถ้วยที่ผมใส่บะหมี่มา แล้วส่งให้ผม ถามผมว่ายังไม่ได้กินข้าวไม่ใช่หรือ ? ผมรับมาแล้ว บอกว่า ใช่ครับ ท่านบอกให้ผมรับพร แล้วท่านก็สวดให้พรผม แล้วให้ผมกรวดน้ำ เมื่อเสร็จพิธี

▬ ก่อนผมจะกลับ ท่าน บอกกับผมว่า เมื่อผมทำงานที่สถานีนี้เสร็จแล้ว ให้กลับไปอยู่เมืองไทยก่อน สักหนึ่งเดือน แล้วอย่าพึ่งมาทำงานที่อินเดีย ไปทำงานที่ประเทศอื่นก่อน หากผมอยู่ที่นี่ จะมีผู้คน เดือดร้อน อีกมาก เป็นเพราะของที่ผมตามหาอยู่ ของสิ่งนี้หากอยู่ใกล้ ๆผม จะมีอำนาจมาก ผมรู้ได้ทันที ว่ามันคืออะไร ท่านบอกว่าเมื่อถึงเวลา เดียวมันจะกลับมาอยู่กับผมเอง ท่านรู้เรื่องของผมทั้งหมด ที่ท่านมานี้มาบอก ให้ผมกลับเมืองไทย ก่อน จะได้อยู่ไกล ๆ ของ ๆ ผม ท่านบอกให้ผมเมื่อกลับเมืองไทย ให้ผมไปศึกษาธรรม ที่วัดแห่งหนึ่ง ( ขอไม่บอกชื่อนะ) บอกหลวงพ่อที่วัดนั้น ว่าพบท่านที่อินเดีย และท่านให้มาที่นี่ ท่านบอกผมว่าให้ทำดีเข้าไว้แล้ว จะมีแต่สิ่งดี ๆ ตามมา เอง ท่านบอกว่าคนดีเมื่อ พูดอะไรออกไปแล้ว ฟ้าดินยังต้องฟัง

▬ ท่านบอกว่าไม่ให้ผมว่าใคร เพราะจะเหมือนเป็นการไปแช่งเขา ท่านบอกว่า พระพุทธองค์ จะไม่พูด ในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น จะไม่บรรญัติ กฎข้อห้ามของสงฆ์ ในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นมา เพราะหาก บรรญัติ ก่อนหรือพูดออกมาก่อนก็จะเหมือนเป็นการไปแช่ง หรือไปเร่งให้เหตุการณ์เกิด เร็วขึ้น หรือต้องเป็นไปแบบที่พูดออกมา ท่านสอนผมอีกว่าคนดี หากจะว่าใครต้องว่าในสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว หรือหากจะเปรียบเทียบ ให้ใครเข้าใจในสิ่งที่เรารู้ก่อนก็ต้องพยายามพูดหลบเลี่ยงเป็นอย่างอื่นไป อย่าได้ว่าเขาตรง ๆ

▬ ว้าววว พอเล่ามาถึงตรงนี้ผมก็นึกขึ้นมาได้ เมื่อวานกับวันก่อนเขียนว่าไปเยอะ ต้องขอโทษด้วย และขอ อโหสิกรรมให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นด้วย และไม่ขอจองเวรซึ่งกันและกันอีก ท่านบอกผมเมื่อ ไปอยู่ที่วัดนั้น ให้ศึกษาหนังสือ ธรรม สามเล่มก่อน เล่มแรก คือ มิลินทปัญหา เล่มที่สอง วิมุติมรรค หรือวิสุทธิมรรค และเล่มที่สามคือ มงคลสามสิบแปดประการ ผมกราบล่าท่านกลับ ผมนำข้าวที่ท่าน ให้มา ถึงที่พัก ก่อนผมจะกินผมแบ่งไว้ให้คนงานส่วนหนึ่ง ข้าวคำแรกที่ผมกลืนลงไป มันชั่งหอมหวาน อย่างบอกไม่ถูกผมแทบจะอิ่มภายในคำเดียวน้ำตาผมไหลพราก ผมกินคำที่สองไม่ลง ผมมองดูข้าว ที่อยู่ในถ้วย ผมนึกในใจ เป็นไปได้อย่างไร พวกคนงานมายืนดูผมอยู่ตั้งแต่เมื่อไรผมไม่ทราบ ผมเงยหน้ามองพวกเขา พวกเขาถามผมว่าเป็นอะไร ?

▬ ผมไม่ตอบแต่เอาข้าวที่แบ่งใส่ถ้วยไว้ให้พวกเขาส่งให้พวกเขาแทน พวกเขามองดูข้าวในถ้วย มันยังมีควันขึ้นหอมกรุ่นอยู่ตลอด ผมเช็ดน้ำตาด้วยความดีใจลงมือกินข้าวเข้าไปอีกสามคำก็หยุด พวกคนงานลองกินข้าวไปคนละคำ แล้วหันมาบอกผมว่า มันมหัศจรรย์ มาก ผมหยุดกินแล้ว เก็บข้าวที่เหลือใส่ถุง พลาสติกไว้ พวกคนงานทำตามนำข้าวที่เหลือไปแบ่งกัน พวกเราเก็บของกลับมาที่ Office ผมบอกลาพักงานกับญี่ปุ่นหนึ่งเดือน และได้รับอนุญาต

▬ ตอนเย็นผมกลับมาที่โรงแรมที่พัก มีพวกพ่อค้าพลอยมาพักกันมากเลย และผมก็ได้พบกับ พ่อค้าพลอยคนที่ผมให้เขาหามรกตให้ผม เขาเล่าให้ผมฟังว่าเขาไปงานเลี้ยงใหญ่ งานหนึ่ง เห็นท่านนายกใส่มรกตชุดใหญ่ ชุดหนึ่ง หลังจากนั้นอีกไม่อีกวันก็มีการลอบสังหารเกิดขึ้น ผมไม่ถาม อะไรจากเขา แต่บอกเขาว่า ไม่ต้องหาแล้ว ผมไม่ซื้อแล้วผมจะกลับเมืองไทยก่อน เมื่อผมลาพักร้อน กลับมาเมืองไทย ผมเอาข้าวที่เก็บไว้ใส่ถ้วยแก้ว ๆ เล็กๆ เปิดฝาตั้งไว้บนหิ้งพระ

▬ ผมก็ไปที่วัดนั้นตามที่พระท่านได้บอกไว้ เมื่อผมมาถึงวัดทางวัด ได้จัดที่ไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้ว มีหนังสือสามเล่มนั้นอยู่ที่ห้องเรียบร้อยแล้ว ผมเข้าไปกราบหลวงพ่อที่วัด หลวงพ่อบอกว่า ไม่ต้องบวชหรอก ไปอยู่ที่ห้องนั้นแหละ ศึกษาหนังสือสามเล่มนั้นให้ดี ได้เวลากินข้าว จะให้เด็กวัด ไปตาม ห้องหรือกุฏิที่ผมอยู่ๆ ติด กับที่เผาศพ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลย กลับรู้สึกสบายดีเสียอีก กลางคืนไม่มีไฟฟ้า มีแต่ตะเกียงน้ำมันก๊าด และเทียนไขแล้วแต่ผมจะเลือกใช้

▬ คืนแรกที่ผมมาอยู่ผมอ่านหนังสือเล่มแรกคือ มิลินทปัญหา เป็นการถามตอบปัญหา ระหว่างอริย กษัตริย์ หรืออริยบุคคล (ผมไม่ทราบใช้คำผิดหรือป่าว กับบุคคลธรรมดาที่สำเร็จโสดาบัน) กับพระอรหันต์ ที่รู้แจ้ง ผมยิ่งอ่านผมก็ยิ่งเข้าใจปัญหาต่าง ๆดีขึ้น ผมรู้แล้วว่าทำไม พระท่านให้ผมอ่าน หนังสือเล่มนี้ เพราะหนังสือเล่มนี้ เป็นการ ถามตอบ ปัญหาต่าง ๆที่ไม่มีใครเข้าใจให้เข้าใจ มากกว่า ห้าร้อยปัญหา สามารถนำมาใช้ได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพระหรือคนธรรมดา ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ เกือบสว่างจึงเข้านอน ตัวผมคิดว่าหากใครได้อ่านหนังสือเล่มนี้ หรือได้เอาหนังสือเล่มนี้ ทำบุญถวาย พระแล้ว จะได้บุญมาก หากท่านมีปัญหาสิ่งใดก็สามารถแก่ได้ ด้วยผลบุญที่ท่านได้ถวาย หนังสือเล่มนี้ กับพระท่าน

▬ หนังสือเล่มที่สองที่ผมอ่านคือ วิสุทธิมรรค หรือ วิมุติมรรค หนังสือเล่มนี้สามารถทำให้พระ ที่ดี สำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ หากบุคคลธรรมดาอ่านและเข้าใจก็สามารถสำเร็จเป็นอริยบุคคลได้ หากใครทำบุญถวายพระด้วยหนังสือเล่มนี้ ก็เหมือนกับว่าท่าน ได้ถวายความรู้อันใหญ่หลวง ให้กับพระท่าน บุญกุศลที่ได้ถวายหนังสือเล่มนี้ มีเกือบเท่าท่านได้สร้างพระไตรปิฏกเลยครับ

▬ หนังสือเล่มที่สามคือหนังสือ มงคลสามสิบแปดประการ เป็นมงคลชิวิต ที่สุดยอดปรารถนา ของคนดีที่เขาแสวงหาความดีใส่ตัวครับ หากอ่านแล้วปฏิบัติตัวได้ ตามนั้น ท่านก็จะมีแต่ความสุข ตลอดกาล ไม่ว่าจะชาติใดศาสนาใด ก็นำไปใช้ได้ครับ เล่มนี้ในต่างประเทศ ผมเห็นพวกฝรั่งนำไปแปล เป็นภาษาอังกฤษ กันมากครับ

▬ หากใครได้ทำบุญด้วยหนังสือเล่มนี้แล้ว ไม่ว่ากับพระ หรือกับคนธรรมดา ท่านก็จะมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาครับพ้นจากอันตรายทั้งหลายได้ หนังสือสามเล่มนี้ไม่แพงหรอกครับ ในอินเตอร์เน็ทก็มี ลอง Search หาอ่านดูซิครับ หากใครได้อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็จะได้บุญแล้วครับ แล้วอาจจะมีสิ่งดี ๆ เหมือนที่ผมมี ครับ เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ ที่ผมได้ศึกษาหนังสือทั้งสามเล่มนี้ ผมแทบจะจำได้ ทุกหน้าว่าเขียนอะไรไว้ตรงหน้าไหน

▬ คืนก่อนวันที่ผมจะ ลาวัดนี้ หลวงพ่อเรียกผมเข้าไป หา ถามผมว่า สบายดีหรือ ? ผมตอบว่า สบายดีครับ ท่านหัวเราะ แล้วบอกผมว่า เข้าใจแล้วใช่ไหม ? ผมตอบว่าเข้าใจดีแล้วครับ ท่านถามว่า แล้วสงสัยอะไรอีก ไหม ? ผมตอบไม่สงสัยแล้วครับ ท่านบอกดีแล้ว ผมลาท่านกลับ มาที่ห้อง คืนนั้น ผมไม่ได้อ่านหนังสืออีกแต่เขานอนเลย ผมนอนทบทวนความคิดต่าง ๆ ว่ายังมีเรื่องอะไรอีกที่สงสัย ไม่มีแล้วผมไม่มีเรื่อง ต้องสงสัยอีก เมื่อเวลาผมหลับ เหมือนมีเสียงดนตรีลอยมาตามสายลม เย็นสบาย ผมหลับสบาย

▬ ตื่นเช้าขึ้นมาผมเก็บของไปกราบลาหลวงพ่อแล้วเอาเงินทำบุญไปจำนวนหนึ่ง ผมกลับมาที่บ้าน แล้วเข้าไปรายงานตัว ที่บริษัท ทาง บริษัทถามผมว่า อยากไปแอฟริกาไหม ? ผมบอกว่าไปซิ เรื่องที่ผมเล่า มาทั้งหมดนี้ ผมพยายามตัดบางช่วงบางตอนออกไปเพราะกลัวจะยาวไป เดี๋ยวผู้อ่าน จะรำคาญ เพราะตัวผมเอง อาทิตย์หน้า มีเรื่องที่ค้าง ท่านอยู่อีกเรื่องหนึ่งคือ หินกับฮวงจุ้ยในบ้าน ผมกลัวจะเล่าไม่จบและอธิบายไม่เคลียร์ เพราะมีเวลาน้อย วันที่ 25 ตอนเย็นผมต้องเดินทาง ไปพม่า จะกลับประมาณวันที่ 5-6 แล้วหลังจากนั้นผมก็จะไปทำงานต่างประเทศครับ หากผมเข้า เว็ปได้ ผมจะมาเล่าให้ฟังอีก แต่หากเข้าไม่ได้ ก็ อีกสามเดือนค่อยเจอกันนะครับ ส่วนมรกตตอนนี้ ผมก็ติดตาม ข่าวไปเรื่อย ๆครับไม่ได้คิดอะไร ว่าจะไปอยู่กับใคร เดียวเขาก็มาหาเราเอง ขอบคุณมากครับ

จาก Web board 'คุยเฟื่อง เรื่องหิน' กระทู้ที่ 1279