อาถรรพ์ของพลอย ภาค 11

เล่าเรื่องโดย ... คนหาพลอย

▬ ผมเคยบอกท่านไว้ว่า อย่าให้เพชรพลอยกับ คนที่ไม่รู้คุณค่าของมัน ท่านลองอ่านเรื่องนี้ดูนะครับ หรือจะลองทำเหมือนที่ผมทำก็ได้ ผมเอาพลอยทั้งสองร้อยเม็ด ไปให้ เพื่อผม ( คนที่เสียชีวิตไปแล้ว ) ช่วยตรวจดูให้ เพราะเขามีญาติพี่น้องที่อยู่ในวงการนี้เหมือนกัน เมื่อเขาเห็นพลอย เขาก็คัดแยกให้ผม ได้เลยว่ามีพลอยอะไรบ้าง มีทับทิม ไพลิน สปิเนล โดยเฉพาะ สปิเนล มีเยอะมาก โทแพซ มรกต เทพาย โกเมน ควอตซ์ อเมทิสต์ ทัวร์มาลีน อความารีน เขาเลือกพลอยให้ผม อย่างละเม็ด แล้วเอาไปตรวจ ให้ผม ( ผมไม่ทราบว่าเอาไปตรวจที่ใด) ปรากฏว่าเป็นของแท้ทั้งหมด แล้วถามผมว่าอยากจะขายไหม ? ผมรีบบอกว่าขายซิ

▬ ผมเลือกพลอยออกมาเก็บไว้ ห้าสิบเม็ด ที่เหลือผมให้เพื่อน ผมเอาไปขาย ให้กับญาติเขา ได้มาห้าหมื่นบาท (ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเขาขายพลอยกันอย่างไร) ผมแบ่งให้เขาไป หนึ่งหมื่นบาท ผมเหลือเงิน สี่หมื่นบาท ผมเอาพลอยที่เหลือมา เลือกเอาทับทิม มาทำแหวน และไพลินมาทำต่างหู มรกตทำจี้พร้อมสร้อยทองหนักหนึ่งบาท และสร้อยข้อมือ ให้แม่ ผม และยังทำแหวน ไพลิน ให้ พ่อ กับน้อง อีกคนละวง แต่ไม่ได้ล้อมเพชร หมดเงินไปสี่หมื่นบาทพอดี

▬ ผมต้องเสียเวลาหยุดงาน ถึงสองอาทิตย์ ผมได้เล่าเรื่องให้ทางบ้านผมฟัง ทางบ้านดีใจกันใหญ่ พ่อผมเลยถือโอกาส ทำบุญบ้าน เลย โดยปกติ ก็ทำทุกปีอยู่แล้ว ช่วงหลังวันสงกรานต์ แต่ปีนั้น ทำก่อนกำหนด ผมเลือกเอาพลอยที่ยังเหลืออยู่ เก็บไว้อย่างละเม็ด ที่เหลือผมยกให้แม่และพ่อและน้อง ทำเป็นสังฆทาน ตอนทำบุญบ้าน แจกให้กับญาติทาง พ่อ และญาติทางแม่ รวมทั้งชาวบ้าน ที่มาทำบุญบ้านด้วย

▬ ตอนแรกพ่อและแม่ไม่เห็นด้วย แต่ผมให้เหตุผลไปว่า ผมอยากให้พ่อแม่ เอาของมีค่าทำบุญ ชาติหน้าจะได้เกิดมาเป็นคนรวย ไม่ต้องเสียดาย ผมใช้เวลาเกลี้ยกล่อม พ่อและแม่ อยู่นาน สุดท้ายก็ยอมผม เมื่อทำบุญเลี้ยงพระแล้ว พ่อและแม่ รวมทั้งน้องผม ได้เอาพลอยใส่ ถาด แล้วให้ ญาติทาง พ่อและทางแม่ หยิบไปคนละเม็ด ก่อน ที่เหลือ ก็แจกชาวบ้าน ครั้งแรกไม่มีใครกล้าหยิบ ต้องอธิบายกันอยู่นาน ทุกคนตกใจมากและแปลกใจ เพราะไม่ได้บอกใครล่วงหน้าว่าจะมี อะไรแบบนี้ แถมบางคนยังพูดอีกว่าของปลอมหรือป่าว

▬ ใจผมตอนนั้นหวังว่า อยากให้พวกเขามีของดี ๆ เพราะพวกเขาก็ดีกับครอบครัวผม มีอะไรก็แบ่งปันกันเสมอมา ผมไม่ได้นึกเสียดายเลย และผมก็อยากให้ พ่อและแม่ และน้องผม ได้ทำบุญ ด้วยเพชรพลอยหรือของมีค่า บ้าง เกิดชาติหน้าจะได้สบายกว่าชาตินี้ พวกที่ได้พลอยไป ได้แต่ถามผมว่า นี่พลอยอะไร มีชื่อว่าอย่างไร มันแพงหรือ ป่าว ? ผมก็บอกพวกเขาไปว่า มันเรียกว่าพลอยอะไรบ้าง ตามที่เพื่อนผมบอกชื่อมา บางคนก็ดีใจ บางคนก็ งง ๆ พวกเขา รู้แต่ ชื่อ ทับทิม ไพลิน เทพาย โกเมน มรกต ส่วนคนที่ได้พลอย อย่างอื่นไปก็ งง เพราะไม่เคยได้ยินชื่อ ( แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ในตอนนั้น ) แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ทำบุญบ้านเสร็จ ผมก็กลับกรุงเทพฯ และนึก ภูมิใจมาตลอดทาง ว่าได้มีโอกาส ให้พ่อแม่และน้อง ได้ทำบุญด้วยของมีค่าแล้ว

▬ ผมอยู่บ้านที่กรุงเทพฯได้สองวันก่อนจะกลับ ไปทำงานที่อินเดียต่อ น้องชายผมก็โทรมา บอกว่า มีชาวบ้านมาเล่าให้ฟังว่า พวกที่ได้พลอยไป นั้น บางคนก็พูดว่า ผมเอาลูกแก้วมา หลอกให้ดีใจเล่น และบางคนก็พูดว่าผมเอาของปลอมมาให้ หากเป็นของจริงราคาเป็นหมื่นเป็นแสน จะเอามาให้ได้ อย่างไร มีบางคนเอาไปให้ ร้านทองที่ในตลาดดู ร้านทองบอกว่าพลอยกระจก พลอยลิเก และบางคนที่ ได้ทับทิมไปก็ ไปรบเร้าให้ พวกลูก ๆ หาเงินไปทำตัวเรือนให้ เดือดร้อนลูกหลานเขาอีก เพราะต้องหา เงินไปทำตัวเรือนให้ แถมบางคนยังหาว่าผมไปขโมยใครมา หรือป่าว จึงได้เอามาแจกกัน ง่าย ๆ แบบนี้

▬ ผมได้ฟังน้องชายผมพูด ผมใจหายหมดเลย ผมนึกอยู่ในใจว่า อะไรจะปานนั้น เป็นแบบนี้ ได้อย่างไร แต่ก็น่าเป็นไปได้ ผมถามน้องชายว่า แล้วพ่อกับแม่ว่าอย่างไร ? น้องผมตอบว่า เวลาชาวบ้าน มาเล่าให้ฟัง พ่อกับแม่ก็ได้แต่ หัวเราะ ผมบอกน้องไปว่า อย่าไปคิดอะไร เพราะเราถือว่าได้ทำบุญแล้ว เรื่องนี้แหละครับ ที่ผมเคยบอกท่านทั้งหลายไว้ว่า อย่าให้เพชรพลอย กับคนที่ไม่รู้คุณค่า ผมได้กับ ตัวเองมาแล้ว เรื่องแบบนี้ ยังมีอีกนะครับ ผมไม่ได้เข็ด แต่เป็นเพราะความเกรงใจ ก็มี

▬ ผมขอพักเรื่อง กลับไปทำงานต่อที่อินเดียไว้ก่อนก็แล้วกัน ผมจะได้เล่าเรื่อง แบบนี้ให้ท่านได้เป็น ข้อคิดไว้ เรื่องมี่อยู่ว่าเมื่อสักเจ็ด แปดปีมาแล้วผมไปทำงานที่ ศรีลังกา มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมกลับมากรุงเทพ ฯ ช่วงพักต่อวีซ่า คือผมจะได้วีซ่าเข้าประเทศแค่สองเดือน แล้วต้อง กลับมาต่อวีซ่า แล้วกลับไปใหม่ เป็นแบบนี้เกือบทุกประเทศ แหละครับ บ้างประเทศได้ สามสิบวัน บางประเทศได้ สิบอาทิตย์

▬ ผมกลับมากรุงเทพ ได้มาเจอ ผู้ใหญ่ ที่ผมนับถืออยู่ท่านหนึ่ง ท่านเคยช่วยเหลือผมเรื่องงานไว้มาก ( ผมขอปิดสถานที่ทำงานไว้ไม่บอกนะครับ ) ผมไปเยี่ยมท่านที่ทำงาน ท่านบอกผมว่า ไปทำงานที่ ศรีลังกา หากเจอของดี ก็เอามาฝากบ้างนะ ตอนนั้นผมก็ค้าขายพลอย อยู่ด้วย แต่ท่านไม่รู้ เพราะว่าการ ค้าขายพลอยของผม ๆ ไม่เคยบอกใครเลยแม้แต่ พ่อแม่ และน้อง ของผม เดี่ยวนี้ก็เหมือนกัน มีเพื่อนผมคนที่เสียชีวิตไปแล้ว เท่านั้นที่รู้ว่าผมไม่ได้ทำงานอย่างเดียว

▬ ผมกลับไปทำงานที่ศรีลังกา ผมไปเจอ ควอตซ์สีทองขนาดใหญ่เข้า และร็อคคริสตัล ผมซื้อมา แล้วจ้างเขาเจียระไนให้ ได้มาอย่างละก้อน ๆ เท่ากำปันแนะ น้ำหนัก สี่ร้อยกว่ากะรัต หมดค่าเจียไป ก้อนละเป็นพัน ผมเอามา ฝากท่าน แล้วบอกท่านว่ามันเป็นควอตซ์ และร็อคคริสตัล ผมอยากให้ท่าน ตั้งไว้ที่โต๊ะทำงานเวลามีใครมาเยี่ยมจะได้เห็น แล้วเป็นที่สนใจ พอผมกลับมาถึงบ้าน ลูกน้องท่าน ที่สนิทกับผมก็โทรมาบอกผมว่า พี่ ๆ เอาอะไรมาให้ท่าน ๆ โมโหใหญ่หาว่าพี่เอาของเด็กเล่นมาให้ ผมตกใจ มาก ผมพยายามจะอธิบายว่า ควอตซ์ และ ร็อคคริสตัลคืออะไร แต่เขาก็คิดว่าควอตซ์ และคริสตัล ก็คือกระจก หรือแก้วนี้เอง เขาบอกผมว่าท่านเอาของที่ผมให้ มาให้เลขาหน้าห้อง เอาไว้ทับกระดาษ (ท่านผู้นี้เสียชีวิตไปแล้ว) ผมรู้สึกผิดเป็นครั้งที่สอง และนึกอยู่ในใจ ว่า เจ้า สะ วา รอฟ ส กี มันไม่น่าจะ เอา แก้วหลอมอัดของมัน มาใช้ คำว่า คริสตัล และ ควอตช์ เลย ทำให้ผู้คนสับสน ( แต่ของแท้เขาก็มีนะ)

▬ อีกเรื่องหนึ่ง ผมได้ สปิเนล ธรรมชาติ ที่ยังเป็นผลึกลูกบาศ์ก มา ใส่ปิ๊ง เลย ยังไม่ได้เจียระไน แต่สวยมาก เพื่อนผมเห็นเข้า ก็ขอผมไป เม็ดหนึ่ง บอกว่าจะเอาไปทำแหวน ให้แฟน ผมก็ให้ไป เขาเอาไปทำแหวนเสร็จ ก่อนจะเอาไปให้แฟนก็เอามาให้ผมดู ผมยังชมเลยว่า นายออกแบบได้สวยมาก เขาก็เอาไปให้แฟนใส่ พอแฟนเขาใส่ไปที่ทำงาน เพื่อน ๆ ที่ทำงาน หัวเราะกันใหญ่ หาว่า เพื่อนผมเอา แก้วพลาสติก มาหลอกแฟน เขาเลยไม่กล้าใส่ไปทำงานเลย แถมเวลาเจอหน้าผม ยังมาต่อว่าผมอีก หาว่าทำเขาขายหน้า เป็นยังงัยครับ

▬ ท่านอ่านเรื่องของผมแล้ว ผมว่ามีคนที่เป็นเหมือนผมหลายคนนะ เรื่องแบบนี้ยังมีเกิดขึ้น กับผมอีกนะ แต่จะเอาไว้เล่าวันหลังนะ จะขอเล่าเรื่องเจ้าก้อนกรวด ให้จบไปเลยดีกว่า ที่แรก ว่าจะเอาไว้ เล่าวันหลัง แต่ ก็กลัวเรื่องมันจะไม่ปะ ติด ปะต่อกัน เพราะเรื่องมันไปเกี่ยวข้องกับ อะไร อีกหลาย ๆ อย่าง และเวลาที่เกิดเรื่องมันก็ ข้ามปี ข้ามเดือน ไม่เหมือนในหนัง ที่เป็นเรื่อง ๆไป

▬ มีอยู่ปีหนึ่งผมทำบุญบ้าน ที่กรุงเทพ ผมนิมนต์พระมา สององค์ ที่บ้าน ( บ้านผมเล็กไม่ใหญ่ พระนั่งเก้าองค์ไม่ได้) ผมตั้งโต๊ะบูชา และเอาเจ้ากรวดใส่พาน มาตั้งไว้ด้วย พระท่านเห็นเข้า ท่านถามผมว่า นี่พระธาตุ หรือ ? ผมตอบว่าไม่ทราบ และเล่าเรื่องทีมาให้ท่านฟัง พอท่าน ฉันอาหาร และสวดมนต์จบ ท่านก็เอยปากขอ กับผม ว่า ขอแบ่ง ไปหน่อยได้ไหม ? ท่านบอกว่า ที่วัดจะสร้าง พระพุทธรูป กรวดพวกนี้หน้าจะเป็นพระธาตุ ของพระอรหันต์ ไม่องค์ใดก็องค์ หนึ่ง ท่านจะเอาไป บรรจุไว้ที่ พระเกตุ ของพระพุทธรูป

▬ ทีแรกผมก็สองจิตสองใจ จะให้ดีหรือไม่ให้ เพื่อนผม รู้เรื่องของผมดี บอกผมว่า แบ่งให้ท่านไปเถิด เพราะท่านเอาไปทำดี และผมจะได้บุญ ด้วย ผมเลยแบ่งให้ท่านไปกำมือหนึ่ง พอรุ่งเช้าเท่านั้น แหละครับ ท่านก็มาหาผมแต่เช้าเลย ท่านบอกผมว่าเมื่อคืนนอน ไม่หลับเลย พอใกล้ ๆ จะหลับ ก็มีผู้หญิงสองคนมายืน เท้าสะเอวอยู่ ปลายเท้า ถ้าทาง ทมึงทึง เหมือนจะเอาเรื่อง เป็นแบบนี้ ถึงสามครั้งจนท่านไม่ได้นอน ท่านเลยเอาของมาคืนผม ผมเลยเอาไป เก็บใส่พานไว้อย่างเดิม

▬ แล้วเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนผมฟัง เพื่อนผมมันก็ไปเล่าต่อกันให้กับ เพื่อน ๆ ฟังอีกที มีอยู่คนหนึ่ง อยากได้มาก มาขอผมที่บ้าน ผมบอกว่าผมไม่หวงหรอก แต่ต้องทำ ดี ๆ นะ เขาก็รับปากผม ๆ ให้ เขาไปอธิษฐาน หยิบเอาเอง เขาก็ไปกราบพระ แล้วก็อธิษฐาน หยิบเอาในพาน เอาไปแค่เม็ดเดียว ทำเหมือนกับผมคือ เอาใส่ถุงเล็ก ๆ และเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ วันรุ่งขึ้นเขาก็ไปทำบุญใส่บาตร

▬ ตั้งแต่นั้นมา งานการเขาก็ดี ขึ้น เรื่อยๆ ได้ไปฝึกงานต่างประเทศ กลับมาก็มีตำแหน่งรองรับอยู่ เพื่อนฝูงและเจ้านายรักเป็นที่ไว้วางใจ ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานโครงการใหญ่ ๆ อยู่มาได้ ปีกว่า ๆ ดันลืมตัว ไปเที่ยว อาบอบนวด แห่งหนึ่ง พอกลับมาบ้าน ตอนกลางคืน ฝันเห็นผู้หญิงมา ชี้หน้าว่า ทำตัวไม่ดี ไม่อยู่ด้วยแล้ว และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เงินทองเขาก็ไม่ค่อยพอใช้ งานการ ก็เสมอตัว มีเรื่องให้ต้องเดือดร้อนอยู่บ่อย ๆ ไม่ค่อยสบายใจ พยายามไปหาวัดทำบุญ รดน้ำมนต์ อยู่เป็นประจำ ก็ไม่ค่อยดีขึ้น เลยมาหาผมที่บ้านอีก แล้วเล่าให้ผมฟัง ผมบอกว่าเอาของไปไว้ที่เดิมเถิด แล้วขอโทษเขาด้วย เขาก็เอาของคืน หลังจากนั้นมาชีวิตเขาก็เป็นปกติ ไปได้ เรื่อย ๆ เจอหน้าผม อีกครั้ง ผมถามว่า อยากลองอีกไหม ? รีบบอกผมว่าไม่เอาแล้ว เข็ด อยู่แบบนี้ดีกว่า ท่านอ่านแล้วลอง พิจารณา ดูนะครับ พรุ่งนี้ผมจะมาเล่าต่อ ตอนกลับไปอยู่ที่อินเดียอีกครั้งครับ

จาก Web board 'คุยเฟื่อง เรื่องหิน' กระทู้ที่ 1234