อาถรรพ์ของพลอย ภาค 5

เล่าเรื่องโดย ... คนหาพลอย

▬ ตอนนี้ผมจะเล่าเรื่องอาถรรพณ์ที่อยู่ใน สินแร่อัญมณีบ้างนะครับ (เดี๋ยวคนรักหินจะน้อยใจ) (ผมจะเรียก ว่า หิน หรือ แร่ ก็รู้สึกไม่ ดี ผมเลยเรียก สินแร่อัญมณี ดูจะมีคุณค่ามาก และเป็นการเคารพ ในสิ่งที่เราชอบ เป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ หากเป็น แร่เหล็ก หรือแร่ดีบุก แร่ตะกั่ว ผมก็จะ เรียกแร่ไปเลย หากเป็น กึ่งแร่รัตนชาติ ผมก็จะใช้ คำว่า สินแร่รัตนชาติ หรือ สินแร่อัญมณี ครับ )

▬ เมื่อปี 2545 มีพ่อค้าพลอยที่พม่า มาชวนผมไปทำเมืองแร่ เฟลด์สปาร์ (เป็นแร่ต้นกำเนิดพลอยมูนสโตนนี่แหละครับ) เป็นวัตถุดิบทำกระจก เพื่อที่จะส่งมาเข้าโรงงาน ทำกระจกในเมืองไทย เขาได้รับสัมปทาน เป็นเวลาสิบปี แรก ๆ ผมไม่ได้สนใจ แต่ก็ทนลูกตี๊อ ของเขาไม่ไหว ผมเลยไปสำรวจ สถานที่กับเขา อยู่ในเมือง ยะไข่ ตรงข้ามจังหวัดตาก ของเรานี่แหละครับ แต่อยู่ห่างชายแดนไทยประมาณ 30 กว่ากิโล ผมเดินทางเข้า ย่างกุ้ง แล้วนั่งรถต่อไป ยัง ยะไข่ (ยะไข่อยู่ในเขตอิทธิพลของกระเหลี่ยงพุทธ )

▬ มีทหารกระเหรี่ยงเป็นคนนำทาง ผมกับคณะ 5 คน และทหารกระเหรี่ยงอีก10 คน ผมเป็นคนไทยคนเดี๋ยวในคณะ เราต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงแหล่งแร่ เราออกเดินทางจากที่พักแต่เช้า ต้องเอาข้าวไปกินกันด้วย เข้าไปถึงแหล่งแร่ก็เกือบเที่ยง แหล่งแร่เป็นภูเขาใหญ่ ไม่สูงมาก สามลูกซ้อนกัน เป็นแหล่งแร่เฟลด์สปาร์ขนาดใหญ่เลยก็ว่าได้

▬ ก่อนสำรวจรอบ ๆบริเวณ เราพักทานข้าวกัน ข้างลำธารน้ำเล็ก ๆ เราแบ่งคนนั่งล้อมวงท่านข้าว เป็นสองวง ขณะกำลังทานข้าว ทุกคนก็ได้ยิน เสียง เหมือนมีน้ำป่า กำลังไหลมา ดังซู ๆๆ ไหลมาตามลำธาร แต่เสียงนั้นเมื่อดังใกล้จะถึงพวกเราก็หายไป แล้วไปเริ่มต้นดังใหม่มาแต่ไกลอีก ผมและคณะตกใจกลัวมาก แต่พวกทหารกระเหรี่ยงกับนั่งนิ่งเฉย และบอกพวกเราว่าไม่ต้องกลัว มีทหารกระเหรี่ยงคนหนึ่งพูดไทยได้เก่ง เขาบอกผมว่า พ่อใหญ่มาทักทายเรา ผมนึกรู้อยู่ในใจทันที ว่าหมายถึงอะไร หัวหน้าทหารนายหนึ่ง ยศร้อยเอก เดินลงไปที่ลำธารตักน้ำมาขัน หนึ่ง (ขันทองเหลืองขนาดเล็กกว่า ฝ่ามือหน่อยนึง) แล้วทำท่าเหมือน กรวดน้ำ ค่อย ๆเทน้ำลงพื้น พูดภาษากระเหรี่ยงอยู่หลายคำ แล้วเอามือตบพื้นดินเบา ๆสามครั้ง เสียงน้ำที่ไหลมาก็หายไป

▬ แล้วพวกเราก็นั่งกินข้าวกันต่อจนอิ่ม เราแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่มเดินสำรวจ รอบภูเขา แล้วนัดมาเจอกันที่เดิมเวลา บ่ายสองโมง กลุ่มของผมมี เจ็ดคน เดินสำรวจไปตามชายเขา บริเวณนี้เป็นป่า ไม่ทึบมากนัก บางช่วงเป็นป่าโปร่งมีต้นไม้ขึ้นไม่มากนัก มีแต่หินและแร่ เฟลด์สปาร์ บางช่วงก็มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นแน่นมาก ผมเก็บตัวอย่างแร่ เป็นบางช่วง และถ่ายรูป ไว้ อีกคณะเดินอ้อมไปอีกทางหนึ่ง คณะของผมเดินอ้อมลูกเขามาเวลา เดินกลับพวกเราเดินตัดขึ้นเขามา เพื่อมาสำรวจยอดเขา และถ่ายภาพ ผมเก็บตัวอย่างแร่บนยอดเขาอีก อากาศก็เย็นสบายดี แดดส่องถึงพื้นดิน บนยอดเขาต้นไม้ใหญ่มีไม่มาก เรานั่งพักกันประมาณสิบนาทีแล้วเดินลงเขา มา ถึงที่นัดหมาย (ที่เรานั่งกินข้าว) คณะสำรวจอีกชุดยังไม่กลับมา

▬ พวกทหารชวนกันนอนพักผ่อนคอย ขณะนั้นเป็นเวลา บ่ายสองโมงพอดี ผมถือโอกาสนำหินแร่ ตัวอย่างที่เก็บมาไปล้างที่ลำธาร ล้างไปก็นึกในใจไปว่า นี่มันจะเป็นพลอยอยู่แล้ว บริเวณนี้ทั้งหมด หากทิ้งไว้แบบนี้ อีกสัก หมื่นปี คง กลายเป็นภูเขามูนสโตน ทั้งลูกเลย พอนึกได้แบบนี้ ผมรู้สึกตัวว่าขนลุกไปทั้งตัว หากขุดแร่ไปทำกระจกคนรุ่นหลังรู้ความจริงเข้า คงเสียดายมาก ผมตัดสินใจ ทิ้งแร่จำนวนหนึ่ง แล้วเลือกแร่ ที่เนื้อไม่ค่อยดี และเก็บหินในแม่น้ำขึ้นมาแทน แล้วนำกลับขึ้นจากลำธารมา เจอพวกทหารกับคณะของผมกำลังหลับพักผ่อนกันอยู่ พอดี คณะสำรวจอีกคณะหนึ่งก็ ยังไม่กลับมา ผมนั่งเอาหลังพิงก้อนหิน นึกในใจว่าลึกลงไปข้างใน ภูเขาคงสวยงามมาก เนื้อแร่หากนำมาเจียระไนคงสวยมาก

▬ ผมเคลิ้มหลับไปโดยไม่รู้ตัว อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมมองเห็นคนตัวใหญ่มากเดินมาหาผม ๆ ไม่สามารถที่จะขยับตัวได้ คนตัวใหญ่หน้าตาเขียวคล้ำไปทั้งตัว มายืนอยู่ข้างหน้าผม แล้วพูดว่า พวกมึงอย่าเอาลูกกูไป ลูกกูยังเล็กอยู่ ในความรู้สึกของผมถามเขาว่าลูกอยู่ที่ ไหน ? (แต่ผมไม่มีเสียง ออกมา ) คนตัวใหญ่ชี้มือไปที่ก้อนหินและแร่ที่ผมล้างน้ำกองเอาไว้

▬ ทันใดนั้นแร่พวกนั้น ผม มองเห็นเป็นเด็ก ตัวเล็ก ๆ กำลังแบบ เบาะแดง ๆ เต็มไปหมด เด็ก ๆพวกนั้นมองมาที่ผม แล้วร้องไห้ ผมสะดุ้งตื่น รู้สึกเหนื่อยมากและเหงื่อ ออกเต็มตัว ผมมองไปรอบ ๆตัว พวกทหารตื่นกันหมดแล้ว ทุกคนมองมาที่ผม เขาถามผมว่าฝันหรือ ผมบอกใช่ เขาให้ผมเล่าความฝันให้ฟัง เมื่อเขาฟังจบ ทุกคนมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ผมถามเขาว่า เป็นอะไร ไป เขาบอกว่าทุกคนก็ ฝันเหมือนกันหมด

▬ ผมมองไปที่ กองหินและแร่ที่ล้างไว้ ผมบอกทุกคนว่า งั้นเอาหินพวกนี้ไว้ที่นี่ ไม่ต้องเอากลับไป ทหารกระเหรี่ยงคนหนึ่งลุกขึ้นมาเอาดิน กลบหินและแร่ไว้ พอดีคณะสำรวจอีกคณะหนึ่งก็กลับมาถึง เขาถามผมว่าไปถึงไหนกันมา มีทหารกระเหรี่ยงคนหนึ่งอธิบายให้พวกเขาฟัง แล้วพวกเขาคุยกันเป็นภาษาพม่า ผมฟังไม่ค่อยออก ทหารกระเหรี่ยงที่ พูดไทยได้ อธิบายให้ผมฟังว่า เมื่อคณะของพวกเขาแยกกับเราแล้ว

▬ เดินสำรวจไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็หยุดพัก ระหว่างที่หยุดพักทุกคนหลับกันหมด และฝันเหมือนเราพวกเขา พอตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้สำรวจต่อ เดินกลับมานี่แหละ ผมหันไปถามคนพ่อค้าพลอยคนที่ได้สัมปทานว่า ตกลงคุณคิดจะทำเหมืองแร่ที่นี่ต่อหรือไม่ ? เขาตอบอยากจะขาย สัมปทานต่อให้คนอื่น ผมบอกเขาว่าตามใจคุณ ส่วนผม ๆไม่กล้าทำ และจะไม่ติดต่อหาคนไทยมาทำด้วย เขาทำถ้าเหมือนเข้าใจผม

▬ เขาหันไปคุยกับนายทหารกระเหรี่ยง เพื่อให้เก็บตัวอย่างแร่ให้เขา สักสี่ ห้าก้อน นายทหารบอกเขาว่าให้ไปเอาที่ค่าย ไม่กล้าเก็บจากที่นี่ไป พวกเราเดินกลับมาถึง ค่ายทหารเกือบ จะมืดอยู่แล้ว เรากินข้าวเย็นกันอีก และเก็บของเตรียมกลับ นายทหารกระเหรี่ยงนำแร่ เฟลด์สปาร์ มาให้สี่ ก้อน ๆ หนึ่งประมาณเกือบครึ่ง กิโล ได้ ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่เห็น คนที่ได้รับสัมปทาน เก็บแร่ใส่ถุง เอาขึ้นรถ เราล่ำลา

▬ ทหารกระเหรี่ยง มาขึ้นรถ คนขับรถ กำลังสตารต์เครื่อง แต่ สตารต์ เท่าไรก็ไม่ติด เสียเวลาอยู่ประมาณครึ่ง ชั่วโมง ก็มีพระเดินมาจากไหนไม่ทราบ องค์หนึ่ง มาขออาศัยรถเราเดินทางไป ย่างกุ้งด้วย อีกสักครู่ รถก็สตารต์เครื่องติด เหมือนไม่มีใครสงสัยอะไร แต่ผมคิดอยู่ในใจ นิด ๆ ว่าทำไม่รถจึงเป็นแบบนี้ เราเดินทางกลับถึงย่างกุ่ง ก็ดึกมากเกือบสว่าง คนขับรถเลยไปส่ง พระก่อน แล้วกลับมาที่โรงแรม ต่างคนต่างแยกย้ายกันเข้าพัก ห้องใครห้องมัน เรานัดเจอกันที่ห้องอาหาร ของโรงแรมตอนเที่ยง

▬ ผมนอนหลับสบาย ตื่นขึ้นมา เกือบเที่ยงแล้ว รีบอาบน้ำแต่งตัวไปที่ห้องอาหาร ก็พบพวกเขาทั้งสี่คน นั่งรอผมอยู่ ถามผมว่าหลับสบายดีหรือ ผมบอกว่าสบายดีมาก พวกเขามองหน้ากันไปมา หันมาบอกผมว่า พวกเขายังไม่มีใครได้นอนเลย ผม งง ถามเขาว่าทำมัยหรือ เขาตอบว่า พอเคลิ้ม ๆ ใกล้จะหลับ ก็มีเด็ก ๆ ตัว เล็ก ๆ มาวิ่งอยู่รอบเตียงเต็มไปหมด ผมถามเขาว่าเป็นอย่างนี้ ทั้งสี่ห้องเลยหรือ เขาตอบว่าใช่

▬ ผมบอกเขาว่าหากเป็นแบบนี้ คุณควรคืนสัมปทานให้รัฐบาลไป อย่าไปทำเลย พวกเขาบอกผมว่าจะขอคิดดูก่อน เขาให้เหตุผลผมว่าได้ส้มปทานมาแล้ว หากคืน ก็ต้องโดนปรับ เป็นหมื่น ดอลลาร์ เขาถามผมว่า คุณอยากได้แร่สี่ก้อนนั้นไหม ? ผมบอกเขาว่า ผมจะเอาไปทำมัย คุณก็เก็บไว้สิ เขาบอกว่ากลัว มีคนหนึ่ง หันมาบอกผมว่า

▬ ในฝันของเขา ๆ เห็น ผมกำลังเล่น หินสี่ก้อนนี้ อยู่กับเด็ก ๆ อย่างสนุกสนาน ผมถามเขาคุณพูดเล่นหรือป่าว ? เขาตอบเรื่องจริง ผมบอกเขาว่า งั้นขอคิดดูก่อน เดี๋ยวตอนเย็น ผมไปไหว้พระ เจดีย์แล้ว ค่อยตัดสินใจ (เจดีย์ ชะเวดากอง ) เมื่อเราทานอาหารเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน คนที่ได้สัมปทาน เอาแร่สี่ก้อนนั้นมาไว้ในห้องผม แล้วขอตัวกลับบ้าน นัดเจอกันอีกตอนเช้า ก่อนผมกลับ กรุงเทพ ผมไปไหว้พระเจดีย์แล้ว กลับมาที่โรงแรม เอาแร่สี่ก้อนนั้นมาล้างน้ำ แล้วตั้งไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ผมคิดในใจว่า มันสวยดี รูปร่างมัน เหมือนกับภูเขาทั้งสามลูกนั้นเลย มีอยู่ก้อนเดี๋ยวที่ไม่เหมือน

▬ คืนนั้นผมเข้านอนประมาณสามทุ่ม ผมหลับไปอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมมองเห็น เด็ก ผู้หญิง ตัวเล็ก ๆ ลางๆ สี่คน ขึ้นมานั่ง ข้างตัวผม ข้างละสองคน ทำถ้าเหมือนจะมาบีบแขน ให้ผมทั้งสองข้าง ตัวผมแข็งทื่อขยับไม่ได้ แต่เด็ก ๆ ทั้งสี่คน ยิ้มให้ผม พวกเขาพูดว่า ไปด้วย ๆ ผมถาม ในใจว่าจะไปไหน เขาก็พูดว่า ไปด้วยๆ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็ต้องแปลกใจ ผมเปิดแอร์ไว้ แต่เหงื่อ ผมออกเต็มตัว แถมยังเหนื่อยอีก ใจเต้นตุบ ๆ ผมทำใจดี ๆ ไม่พยายามคิดอะไร แต่อดคิดเรื่อง ที่พวกได้รับสัมปทาน พูดกันที่ห้องอาหารไม่ได้ ผมพยายามนอนต่ออีก ครึ่งหลับครึ่งตื่น เหมือนมีคนมานอนอยู่ ข้าง ๆ ผม ทั้งสองข้าง ผมพยายามจะพลิกตัว ก็พลิกไม่ได้ ผมพยายามเอี้ยวคอมองทั้งช้ายที่ ขวาที ก็เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อีก กำลังนอนกอดแขนผม อยู่ทั้งสองข้าง ผมตกใจตื่นอีก เป็นเหมือนเดิม คือมีเหงื่อ ออกเต็มตัว

▬ ผมลุกจากเตียง เดินไปหยิบเบียร์ ในตู้เย็นมานั่งกินที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วหยิบแร่ทั้งสี่ก้อนขึ้นมาดู ไปมา ผมพูดขึ้นเบา ๆ ว่า อยากไปอยู่ด้วยกัน ก็อย่ากวนใจสิ เดี๋ยว ฉันนอนไม่หลับ ผมนั่งกินเบียร์ หมดไปสองกระป๋อง พอรู้สึก ง้วง ๆจะหลับผมก็ไปนอนต่อ ผมหลับฝันไปว่า มีผู้ชายแก่ กับผู้หญิงแก่ สองคนมาหาผม พาเด็ก ๆ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารัก มาหาผม พอกผมว่า ฝากเด็ก ๆ ไปเลี้ยงด้วย เด็ก ๆทั้งสี่คนเขามากอดผม ล้อมหน้าล้อมหลัง ในฝันผมถามเด็ก ๆว่า จะไปอยู่ด้วยกันจริง ๆหรือ ? เด็ก ตอบว่าไป ผู้หญิงแก่พูดขึ้นว่า สงสาร เด็ก ๆ เขาไม่มี พ่อแม่ ผมถามว่าพ่อแม่เขาไปไหน ? หญิงแก่ชายแก่ทั้งสองได้แต่ยิ้ม ได้แต่บอกผมว่าเด็ก ๆ มันซนหน่อยนะ ผมบอกไม่เป็นไร จะเลี้ยงให้ แล้วผมก็ตื่น เช้าแล้วพอดี ผมต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวไป สนามบิน ผมเก็บของ และเก็บแร่ทั้งสี่ก้อน แพ็กลงกระเป๋า นึกในใจว่าอยากไปอยู่ด้วยกันก็ไปปะกลับกรุงเทพ ผมลงมาที่เค้าเตอร์โรงแรม เพื่อจ่ายเงินค่าห้อง ก็พบ พ่อค้าพลอยที่ได้สำประทาน รออยู่ ถามผมว่าหลับสบายดีไหม ? ผมตอบสบายดี เขาถามต่อว่า เอาแร่ไปได้ไหม ? ผมตอบว่าเอาไปได้ เขายิ้มแสดงความดีใจสุด ๆ เล่นเอาผมตกใจ ผมถามว่าทำไมดีใจขนาดนั้น เขาไม่ตอบแต่กล่าวขอบคุณผม เป็นการใหญ่ แล้วมาส่งผมที่สนามบิน

▬ ผมกลับมาถึง บ้าน เอาแร่ออกจากกระเป๋า มาล้างน้ำอีกที แล้วยังหาที่ว่างไม่ได้ ผมเลย เอาไปวางไว้ทีหัวเตียง รวมกันทั้งสี่ก้อน แล้วผม ก็ออกไปทำธุระนอกบ้าน กลับเข้าบ้านก็เกือบมืด ผมกำลังเปิดประตูหน้าบ้านอยู่ คนข้างบ้านเดินมาทักผม ว่า อ้าว ไม่ได้อยู่บ้านหรอกหรือ เห็นได้ยินเสียงเด็ก ๆอยู่ในบ้านให้ เจี๊ยวจ๊าวไปหมด ผมสะดุ้งแต่บอกว่า อ้อ หลาน ๆ มา แล้วรีบเข้าบ้านปิดประตูเงียบ ไม่สนใจว่าคนข้างบ้านจะคิดอย่างไร ( ในปัจจุบันนี้แถวบ้านผม บ้างคนก็หาว่าผม เลี้ยงกุมารทอง บ้างคนหาว่าผม เลี้ยงผี เด็ก ๆ แถวบ้านผมเวลากลางคืน ไม่ค่อยมีใครกล้าเดินผ่านหน้าบ้านผม มีร้านขายข้าวแกงหน้าหมู่บ้านที่ผมชอบไปซื้อมาใส่บาตร ถามผมว่า เห็นเขาว่ากันว่าที่บ้านคุณเลี้ยงกุมารทองหรือ ผมได้แต่ยิ้มแต่ไม่เคยตอบเขาเลย บางครั้ง เขาก็พูดว่า มีของดีบอกกันบ้างซิเขาอยากเลี้ยงบ้าง ผมเลยตอบว่าต้องขอโทษ บอกไม่ได้ จริง ๆ )

จาก Web board 'คุยเฟื่อง เรื่องหิน' กระทู้ที่ 1198