อาถรรพ์ของพลอย ภาค 3

เล่าเรื่องโดย ... คนหาพลอย

▬ อาถรรพณ์ของพลอยตอนที่สามครับ เมื่อมีข่าวแบบนี้เกิดขึ้น ผมรีบโทรไปหาคนนำทาง เพื่อจะเช็คข่าวดู แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตอนเพื่อนผมมาหาที่บ้านแต่เช้า บอกผมว่าอยากจะขายเพชร เพราะว่าเก็บไว้แล้วรู้สึกไม่ดี นอนก็นอนไม่หลับ ผมบอกว่าก็ตามใจส่วนผมไม่รู้สึกอยากขาย ผมถามว่านายอยากจะขายเท่าไร ? และจะขายอย่างไร เขาบอกยังคิดไม่ออก ผมบอกเม็ดใหญ่ขนาดนี้ต้องระวังเรื่องจะไปกันใหญ่ ขนาดเศษเพชรที่ขายยังมีปัญหา (ผมลืมเล่าเรื่องเศษเพชรที่เอาไปขาย เพราะเป็นรอยตัดออกจากเพชรขนาดใหญ่ แต่พอดีเพื่อนผมรู้ตัวทันจึงรีบขายให้กับ แขกอินเดียไป)

▬ เพื่อนผมขอเวลาคิดอีกสองสามวัน คิดออกแล้วจะโทรมาหาผม ผมบอกอย่าพึ่งไปหาที่ขาย และอย่าไปหาพวกพ่อค้าเพชร เดี๋ยวอาจจะเผลอพูดอะไรออกมา ไปหาวัดทำบุญให้สบายใจก่อนดีกว่า อีกสองวันต่อมาเพื่อนผมมาหาผมอีกบอกผมว่า ได้ดูข่าวต่างประเทศแล้ว มีการเปลี่ยนรัฐบาลกัน ( ในประเทศ ที่เราได้เพชรมา ) ผมรีบโทร กลับไปหาคนนำทางอีกแต่ไม่พบ แต่ฝากข้อความไว้ให้เขาโทรกลับมาหาผม

▬ อีกสามวันต่อมาคนนำทางโทรมาบอกผมว่ามีการปฏิวัติเกิดขึ้น มีทหารตายไปหลายคน ส่วนพวกที่เอาเพชรไปก็หายตัวไปเลยไม่มีใครพบเห็นอีกเลย ส่วนตัวเขายังไม่กล้ากลับเข้าประเทศ ยังกลัวอยู่

▬ ผมบอกเรื่องนี้กับเพื่อน วันรุ่งขึ้น เพื่อนผมมาหาที่บ้านอีก บอกว่า ฝากเพชรไว้กับผมก่อน จะกลับบ้าน ที่ต่างจังหวัดไปหาแม่ และไปทำบุญด้วย ผมมองหน้าเพื่อนรู้สึกหน้าดำผิดปกติ ผมเลยบอกเขาว่าก็ดี ไปหาแม่จะได้สบายใจขึ้นบ้าง แต่พอวันรุ่งขึ้นทางบ้านเขาโทรมาบอก ผมว่า เพื่อนผมตายแล้วรถประสบอุบัติเหตุ ตอนจะกลับกรุงเทพ หลังจากนอนที่บ้านได้คืนหนึ่ง ผมตกใจมากทำอะไรไม่ถูกคิดอะไรไม่ออก นี่มันอะไรกัน แต่พยายามข่มใจไว้ ไม่คิดอะไร กลับไปจัดการงานศพเพื่อนให้เรียบร้อย ก่อนแล้วค่อยทบทวน เรื่องราวดูอีกที

▬ คืนที่สองของงานศพ ผมนอนค้างที่บ้านแม่เพื่อนผม ๆ หลับฝันไปว่าเพื่อนผมมาหาผม บอกผม ว่า เขาไม่อยากอยู่กับกู เขาอยากอยู่กับมึง ในฝันผมถามเขาว่าใครจะอยู่กับกูหรือ ? เขาไม่ตอบผมๆ ตกใจตื่น ขึ้นมาเห็นแม่เขามานั่งอยู่ ข้างๆ ผม ถามผมว่าเป็นอะไร ฝันอะไรหรือ เห็นร้องอื่อ อ่า พลิกตัวไปมา ผมบอกว่าไม่มีอะไร ผมถามแม่เข่าว่า แม่ก่อนตายเขาบอกอะไรแม่หรือป่าว แม่เขาตอบว่า เขามาบอกว่าไม่ค่อยสบายใจอยากจะไปหาที่ทำบุญต่อชะตา ผมรู้สึกอึ้งไปเลย

▬ เมื่อจัดการงานศพเพื่อนผมเรียบร้อยแล้ว ผมกลับมา บ้านนั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ผมหยิบเพชรทั้ง สามเม็ดมาดู คิดในใจ ต้องหาที่เก็บให้ปลอดภัย ผมกะพรุ่งนี้เช้าจะนำไปฝากตู้เซฟ ของธนาคารไว้ดีกว่า แต่ตอนเข้าหกโมงเช้าเพื่อน บ้านที่อยู่ข้างๆ กัน มาบอกผมว่าจะขอยืมรถผมออกไป ซื้อของหน่อย ผมถามว่าไปนานไม่ เขาบอกว่าไม่นานหรอก สักครึ่งชั่วโมงก็กลับ

▬ ผมเลยให้เขายืมรถไป ผมเตรียมกระเป๋าใส่เพชร และพลอยต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อจะนำไปฝากธนาคารไว้ แต่ผมรอรถผม เก้าโมงเช้าแล้วยังไม่กลับมาเลย ผมโทรศัพท์ไปตามก็โทรไม่ติด ผมตัดสินใจนั่ง รถแท็กซี่ไปดีกว่า ผมนั่งรถมาได้ครึ่งทาง อยู่ๆ คนขับรถก็ถามผมว่า พี่ๆ พี่ว่าพวกธนาคารนี่มันโกงมัย? ผมถามว่าโกงอะไรหรือ คนขับรถบอกว่า ญาติเขาคนหนึ่ง ที่จังหวัดขอนแข่น เสียชีวิต ตายไปแล้วห้าปี ลูกเมียไม่มีใครรู้ว่า แกมีเงินฝากในธนาคารเพราะแกเป็นคนขี้เหนียว อยู่ๆ ลูกสาวแกก็ไปค้นเจอสมุดบัญชีเงินฝากมีเงิน อยู่ หนึ่งหมื่นบาท ฝากมาเกีอบสิบปีแล้ว ลูกเมียก็ไปทำเรื่องเบิกเงิน แทนที่จะได้ดอกเบี้ย ธนาคารกับคิดค่ารักษาบัญชี เหลือเงินกลับมาหกพันกว่าบาท ผมบอกมีแบบนี้ด้วยหรือ คนขับรถยังพูดต่ออีกว่า นี่ถ้าไม่มีใครเจอสมุดบัญชี ก็สบายไปเลย เจ้าของธนาคาร ผมบอก อืออาจจะเป็นไปได้ คนขับรถยังพูดต่ออีกว่า

▬ พี่แล้วพวกที่เอา เพชรเอาพลอย ไปฝากไว้กับธนาคารละ หากเป็นอะไรตายไป พวกธนาคารมันจะส่งของ ไปคืนหรือ คำๆนี้เล่นเอาผม อึ้งไปเลย ผมบอก เออ จริง ๆ คนขับรถหันมาถามผมว่า แล้วพี่จะไปธนาคารทำไมละ ผมรีบบอกว่า ไปทำเรื่องขอกู้เงินนะ จะซื้อบ้าน ไม่รู้ดอกเบี้ยแพงหรือป่าว พอดีรถก็วิ่งมาถึงหน้าธนาคารพอดี ผมจ่ายเงินค่ารถ

▬ แล้วรีบเดินหิ้วกระเป๋าเข้าไปในธนาคารทันที่ แจ้งความประสงค์ จะขอเช่าตู้นิรภัยเจ้าหน้าที่ธนาคาร บอกว่าให้ผมไปที่แผนกตู้นิรภัยชั้นล่าง ผมเดินไปก็คิดถึงคำพูดของคนขับรถ แท็กซี่ แล้วใจคอไม่คอยดี แต่คิดว่านี่เป็นธนาคารสำนักงานใหญ่ คงไม่มีอะไรหนา (ไม่อยากบอกชื่อธนาคาร ธนาคารนี้อยู่ที่ถนนรัชดา) ผมบอกกับเจ้าหน้าที่ตอนรับว่าจะขอเช่าตู้นิรภัย เจ้าหน้าที่สาวสวยหน้าตาดี มองหน้าผม ผ่านช่องกระจก แล้วพูดว่า คุณจะฝากของอะไร ผมยกกระเป๋าชูให้เขาดูบอกเขาว่า ผมจะฝากกระเป๋าใบนี้ทั้งกระเป๋า เขาถามผมว่า คุณมีเงินฝากกับธนาคารที่นี่หรือป่าว ไม่มี แต่จะเปิดบัญชีใหม่ก็ได้ พนักงานตอบว่า ไม่ได้คุณต้องเป็นลูกค้าเก่าของ ธนาคารจึงจะมีสิทธิ์ เช่าตู้นิรภัยได้ ผมบอกว่า ผมไม่รู้ข้อกำหนดนี้จะทำอย่างไรดี แล้วเขาก็ให้ผมไปอีกแผนกหนึ่ง แล้วบอกผมว่ารองคุย กับเขาดูนะ ถ้าเขายอมก็ไม่เป็นไร ผมไปแผนกเปิดบัญชี แจ้งความประสงค์ ของผม

▬ เจ้าหน้าที่บอกว่า ต้องฝากสามแสนบาท จึงจะเช่าตู้นิรภัยได้ ผมบอกว่าตอนนี้ที่ตัวมีอยู่ห้าหมื่นบาทเอง เขาบอกว่าไม่ได้ ผิด ข้อกำหนดของธนาคาร ผมเลยกลับมาที่ธนาคารใกล้บ้านที่มีบัญชีอยู่ เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่า เราเป็นธนาคารสาขา มีแต่ตู้เล็ก ๆ คงเก็บกระเป๋าของคุณไม่ได้หรอกครับ คุณเอาแต่ของเก็บไว้ได้ไหม ? เอากระเป๋าคืนไปแล้วธนาคาร ถือกุญแจดอกหนึ่ง คุณถือไว้ดอกหนึ่ง เวลาคุณมาเปิดตู้ก็มาเปิดพร้อมกัน ผมรีบตอบไปว่า ไม่เป็นไรครับ แล้วขอตัวกลับบ้าน

▬ พอกลับถึงบ้าน คนที่ ยืมรถไป ก็เอารถมาคืนให้แล้วกล่าวก็โทษผม ยกใหญ่ ที่ทำผมเสียเวลา ผมนอนอยู่บ้านสองวัน คดอยู่ในใจว่าผมจะเอาเพชรไปเก็บไว้ ที่ไหนดี เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นแต่เช้าอาบน้ำแล้ว รีบออกไปใส่บาตรพระหน้าปากทางหมู่บ้าน เมื่อใส่บาตร

▬ แล้วก็เดินกลับเข้าบ้าน ระหว่างทาง มีผู้หญิงแก่คนหนึ่ง เรียกผม หนูหยุดก่อน ผมหันไปมอง ผมถามว่ามีอะไรหรือป้า เขาบอกว่าป้าไม่มีเงินกินข้าวป้าไม่ได้กินข้าวมาสองวันแล้วกินแต่น้ำ ผม ฟักกระเป๋าออกมาเปิดดู มีแต่แบงค์ 1000 ทั้งนั้น ผมหยิบขึ้นมาใบหนึ่ง แล้วพนมมือท่วมหัวแล้วส่งให้แก่ ป้าเอาไปกินข้าวนะ แล้วผมก็เดินกลับ เกือบจะถึงประตูบ้านอยู่แล้ว มีคนเรียกผมอีก หนู ผมหันไปมอง ป้าคนนั้นเดินตามผมมา แล้วส่งของให้ผมอย่างหนึ่ง บอกว่า เอ้าป้าให้ ผมหยิบมาดู นี่เป็นเหรียญเก้ามหาราช สีทองอยู่ในกล่องสวยเชี่ยว ผมส่งคืนให้บอกว่า ป้าของดีๆ แบบนี้ป้าเก็บไว้ซิ ป้าร้องไห้ แล้วบอกผมว่า ป้าไม่มีอะไรติดตัวป้ายกให้ ผมถามป้ามาจากที่ไหน ป้าตอบว่า ป้ามาจากยโสธร มาตามหาลูกชาย ทำงานอยู่ในกรุงเทพ แต่ไม่เจอ เงินติดตัวมาก็หมด จะมาขอเงินลูกชายเอาไปให้ค่าดอกเบี้ยเขา เพราะกู้เงินเขามา ผมถามว่าดอกเบี้ยเท่าไร ป้าบอกว่า 700 บาท ผมถามป้าว่าแล้วป้ากลับ บ้านถูก ไหม ? แกบอกว่าไปให้ถึง หมอชิตก็กลับถูก ผมให้เงินป้า ไปอีก 1000 บาท แล้วเดินไปส่งแก่ที่ปากทาง เรียกรถ แท็กซี่ให้แกคันหนึ่ง เหมาไปส่งแกที่หมอชิด ผมจ่ายค่ารถแท็กซี่ให้แกอีกสองร้อย ก่อนจาก ไปป้ายังบอกอีกว่า เอาไปเลี่ยมทองแขวนคอนะลูก ผมกลับถึงบ้านแกะเหรียญออกจากกล่อง มาดู ด้านหนึ่งเป็นรูปในหลวง อีกด้านหนึ่งเป็นรูป พระมหากษัตริย์ แปดองค์ ที่เป็นมหาราช ผมรู้สึกดีใจ กะจะเอาไปเลี่ยมทองแขวนคอจริงๆ ตอนบ่ายวันนั้นผมก็ไปที่ห้างแถวรังสิต จัดการเลี่ยมทอง แล้วซื้อสร้อยใหม่สองบาท อีกเส้นหนึ่งแทนของเดิมที่ให้หัวหน้าเผ่าไป

▬ ผมกลับเข้าบ้านกินข้าวอาบน้ำเสร็จแล้ว เอาพลอยที่ยังไม่ได้คัด มานั่งคัดที่โต๊ะอีก ผมหลับคา โต๊ะไปโดยไม่รู้ตัว ผมฝันไปว่า ผมกำลังนั่งอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง แล้วมีคนแก่ ๆ เดินมาหาผม พูดกับผมว่า ทำไม่ ไม่ตั้งชื่อให้พวกเขาละ ผมถามตั้งให้ใครหรือ แก่บอกว่าก็ของพวกนั้นงัย ผมถามว่าพวกไหน แก่ได้แต่ยิ้ม แล้วบอกผมว่า ไม่ต้องไปหาที่ซ่อนหรอก ใครก็แตะของ ๆลูกไม่ได้ ผมถามว่าทำไมหรือ แก่ตอบว่า ถ้าลูกไม่อนุญาต ต้องกินน้ำล้างตีนของลูกแก้ไข้ ผมตกใจตื่นขึ้นมา พลอยเต็มหน้าเลย ผมดูนาฬิกา เที่ยงคืนกว่าแล้ว ผมเข้านอน ใจผมคิดว่าพรุ่งนี้เช้าไปหาที่ทำบุญอีกดีกว่า

▬ ผมหลับไปอีกและฝันต่อ ไปอีกว่าผู้ชายแก่คนนั้นมาหาผมอีก แกนุ่งผ้า โสร่ง หัวเดียวสีน้ำตาล ในมือถืออะไรอยู่ไม่รู้ เหมือนไม้หรือ หอก บอกผมว่าไปทำบุญที่ บ้านฉันบ้างนะ ผมตามว่าที่ไหนหรือ แก่ตอบว่าที่บ้านฉันนะซิ ผมบอกว่าเดี๋ยวจะไป ขณะนั้นในฝันมีคนอีกหลายคนมายืนอยู่ด้วย แต่เหมือนกับผมมองไม่เห็นพวกเขา พวกเขาบอกผมว่า ไปเที่ยวที่บ้านฉันบ้างนะ ผมบอกว่าเดี๋ยวจะไป ในฝันผมยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ผมตื่นขึ้นมาอีกที่หกโมงเช้าแล้ว ผมรีบอาบน้ำ แต่งตัวออกไป ใส่บาตรพระหน้า หมู่บ้าน เสียงชาวบ้านคนหนึ่งที่ใส่บาตรเสร็จแล้ว พูดชวนเพื่อนบ้านคนหนึ่งว่า ไปวัดพระแก้วกันไหม ? พรุ่งนี้หวยออกแล้วจะไปขอหวยศาลเจ้าพ่อหลักเมือง

▬ ผมได้ยิน ก็ดีใจ อือ เราไปทำบุญที่วัดพระแก้วดีกว่า ผมกลับบ้านแต่งตัวใหม่ แล้วขับรถไปวัดพระแก้ว เอารถไปจอดไว้ข้างกระทรวงกลาโหม แล้วเดินผ่านหน้าศาลหลักเมือง กะว่าขากลับจะแวะมาไหว้ ผมเดิน ข้ามถนนไปเข้าประตูตรงข้ามกับกระทรวง ซึ่งเปิดให้เข้าได้เฉพะคนไทย โดยไม่ต้องไปซื้อ บัตรผ่านประตู สิบโมงเช้าพอดี เจ้าหน้าที่ นำดอกไม้มาขายข้างประตู ผมซื้อดอกบัวกับธูปเทียน เข้าไปไหว้ พระแก้วมรกตก่อน แล้วเดินดูรอบๆ วัดมาถึงหน้า ปราสาทเทพบิดรผมเดินขึ้นบันไดไปข้างบน มีเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ได้เปิด ผมเดินลงมาเกือบถึงบันไดขั้นสุดท้ายแล้ว ได้ยินเสียง มีใครพูดอยู่ข้างหลังว่า ช่วยชาติบ้างนะลูก ผมหันกลับไปดูเหมือนคนแก่ยืนนุ่งโสร่งถือไม้ยิ้มให้ผมอยู่ ผมล้มลงพอดีเพราะถึงบันไดขั้นสุดท้ายพอดี มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งมาดึงมือผมขึ้นมา แล้วถามผมว่าเป็นอะไรหรือป่าว ผมบอกว่าไม่เป็นไร ขอบคุณครับ ผมขอตัวกลับเดินออกประตูตรงหน้าปราสาท พอพ้นออกประตู

▬ ผมก็หันกลับไปมองหน้า ปราสาท อีกที ไม่มีอะไรนี่ ผมเดินผ่านหน้าร้านขายดอกไม้ที่ผมซื้อ เขาถามผมว่าไหว้พระเสร็จแล้วหรือ ผมบอกเรียบร้อยแล้วครับ เขาบอกว่าปราสาทเทพบิดร พึ่งเปิดไปเมื่อวันสงกรานต์ จะเปิดปีหนึ่งสองครั้ง ผมได้แต่ยิ้มไห้เข้า เขาแนะ นำผมให้ไปไหว้ พระ พุทธสิหิงค์ และข้ามฝังไปไหว้พระวัดระฆัง ผมขอบคุณเขาแล้วเดินออกมาที่ประตู พอเลี้ยวซ้ายได้ไม่กี่เก้าก็มีคนยืนพูดกันอยู่สี่ ห้าคนว่า ทหารที่นี่ไม่ดีเลยเอาปืนใหญ่โบราณ มาใส่ลูกแล้วจอปากกระบอกปืนมาทางวัดพระแก้ว เหมือนกับจะยิงถล่มวัดถล่มวัง อย่างนั้นแหละ ผมมองข้ามฝังไปหน้ากระทรวงกลาโหม ก็จริงอย่างที่พวกเขาพูดกัน มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาอีกว่ามีโหนหลวงไว้ทำมัย ไม่รู้ บ้านเมืองมันถึงได้วุ่นวาย กับศาสนาแบบนี้ แล้วพวกเขาก็เดินเข้าประตูวัดไป ผมหยุดยืนมองดูในสิ่งที่พวกเขาพูด มองปืนใหญ่ แล้วก็มองวัดพระแก้ว

▬ ผมคิดอยู่ในใจ จริงๆ อย่างที่เขาพูด หากบ้านเรามีใครเอาปืนมาจ่อ อยู่หน้าบ้านแบบนี้บ้าง เราก็คงไม่สบายใจแน่ ผมเดินไปท่านำข้ามเรือไปวัดระฆังไหว้พระเสร็จแล้วกลับมาที่พิพิธภัณฑ์ ไหว้พระพุทธสิหิงค์ แล้วเดินกลับ มาไหว้พระที่ศาลหลักเมือง บ่ายโมงกว่าแล้วผมขับรถกลับบ้าน กะว่าจะไปหาก๋วยเตี๋ยวเรือแถวรังสิตกินดีกว่า ผมแวะตลาดรังสิตเข้าไปกินก๋วยเตี๋ยว ข้างธนาคารกรุงเทพ ผมกำลังนั่งกินอยู่ก็มีคนพูดเรื่องราว สมัยอยุธยาว่า พม่ามันเอาทองเราไป แล้วมันเอาเพชรเอาพลอย เราไปด้วยหรือป่าว มึงว่าไหม ผมหันไปมอง มีผู้ชายวัยกลางคนกำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยวแล้วคุยกัน ผมได้ยินแค่นั้น

▬ ผมก็ไม่สนใจว่าเขาจะพูดอะไรอีก ได้แต่นึกอยู่ในใจ ว่าขอบคุณถ้าเขาไม่พูดออกมาผมคงนึกไม่ออก ผมรีบกินเสร็จ แล้วรีบขับรถไปอยุธยาทันที ผมตระเวนไปรอบอยุธยา ไหว้พระ ผมอธิษฐาน ทำบุญให้ กับพระมหากษัตริย์ ทุกพระองค์ แล้วกลับบ้าน คืนนั้นก่อนเข้านอนผมสวดมนต์ไหว้พระอีกที่ แล้วอธิษฐาน ขอให้มีทีเก็บเพชรที่ปลอดภัยด้วยเถิด ผมนอนหลับฝันไปว่าได้ไปสถานที่แห่งหนึ่ง แล้วเห็นอะไรอย่างหนึ่ง ผมตื่นขึ้นมาพยายามนึก ดูว่าสถานที่แห่งนั้นจะเก็บเพชรไว้ ตรงไหนดี ผมยังคิดไม่ออก อีกสองวันต่อมาผมหลับฝัน เห็นหัวหน้าเผ่าที่ให้เพชรผม กำลังทำอะไร อย่างหนึ่งผมเดินเข้าไปดู เขายิ้มให้ผม (ผมคิดออกแล้วว่าผมจะเก็บไว้อย่างไรดี) ผมตื่นขึ้นมาดูนาฬิกา พึ่งจะเที่ยงคืน ผมพยายามนอนต่ออีกก็หลับไม่ ลง ลงจากเตียงไปเปิดตู้เย็น เอาเบียร์มากินสักกระป๋อง จะได้หลับสบาย

▬ ผมเดินถือเบียร์ออกมานั่ง หน้าบ้าน เปิดกระป๋องเบียร์แล้วอธิษฐาน เรียกครูบาอาจารย์เจ้าที่เจ้าทาง ให้มาดื่มเบียร์ และให้มีอะไรเกิดขึ้นบอกเหต ุสักอย่างเถิดว่า ถ้าข้าพเจ้านำเพชรไปเก็บไว้ แบบที่ข้าเจ้าคิดแล้ว เนี่ยจะปลอดภัย เมื่อผมวางกระป๋องเบียร์ลงแตะพื้น ผมก็ได้ยิน เสียงกระดิ่งลมที่ผม แขวนไว้หน้าบ้าน ดังกรุ่งกริ่งๆ ผมแหงนหน้าขึ้นมองกระดิ่งลมและมองออกไปบนท้องฟ้า ผมไม่แน่ใจว่าเห็นอะไร ผมเดินออกมากลางแจ้ง แหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้า ๆ แจ่มใส พระจันทร์ครึ่งเซี่ยว มีดาวอยู่ไม่กี่ดวง ผมกะ ว่าวันนี้คงประมาณ 7 หรือ 8 ค่ำ ไม่รู้ มีกลุ่มเมฆ สีขาว ค่อยๆ รวมตัวกัน เป็นรูปร่างเหมือนงู ผมแหนงมองดูอยู่จนเมฆ หยุดนิ่ง ผมนึกในใจ นี่ไม่ใช่งู แต่มันเป็นมังกร มีหัว มีตัว มีเกล็ด มีเล็บห้าเล็บครบทั้งสี่เท้า ตัวใหญ่อยู่บนท้องฟ้า เหมือน ตีวงล้อมบ้านผมไว้ หัวมังกรอยู่หน้า บ้านผมพอดี ผมสุดดีใจ เหตุการณ์แบบนี้ เกิดขึ้นกับผมแล้ว เหมือนนิยาย แต่เป็นเรื่องจริง ผมใจเต้นตุบๆ ตื่นตันอย่างไรบอกไม่ถูก ผมแหงนคอ จ้องมองจนเมฆ ค่อยๆ จางและสลายตัวไป ผมเดินกลับไปที่ กระป๋องเบียร์ บอกลา สิ่งที่ผมเชื้อเชิญให้ดื่มเบียร์ ว่าลูกขอกินเบียร์นะ ผมกินเบียร์หมดกระป๋อง แล้วเข้านอน

▬ ตอนเช้าผมใส่บาตรแล้วได้ไป สถานที่แห่งนั้น เพื่อนำเพชรไปเก็บไว้ ผมกลับมาบ้าน คืนนั้นผมหลับฝันเห็นเพื่อนผม มาหาผมแล้วบอกกับผมว่า กูจะเฝ้าไว้ให้ไม่ต้องห่วง เรื่องที่ผมเล่ามานี้ใคร จะคิดอย่างไรผม ไม่ว่าอะไร ผมพยายามเขียนให้อ่านแล้วพอเข้าใจกัน บางช่วงจังหวะของชีวิตผมก็ตัดออก ไปมาก เพราะว่าจะเล่าให้จบวันนี้ ช่วงที่จบนี้ก็พึ่งผ่านมาได้ไม่กี่วันมานี้เอง ตอนนี้ผมก็คิดว่าจะหยุดทำใจ ให้สบายสักเดือนหนึ่ง แล้วค่อยหาพลอยต่อไป ขอบคุณครับ ( เสาร์อาทิตย์จะไปเที่ยวทะเลพักผ่อนสักสองวัน หากท่านชอบประสพการชีวิตคนหาพลอย ผมจะมาเล่าให้ฟังอีกครับ)

จาก Web board 'คุยเฟื่อง เรื่องหิน' กระทู้ที่ 1185