อาถรรพ์ของพลอย ภาค 1

เล่าเรื่องโดย ... คนหาพลอย

▬ ผมพอมีเวลาได้อ่านกระทู้ ถามตอบตาม เว็บต่างๆ มาพอสมควร มีความรู้สึกอย่างไรบอกไม่ถูก มีบ้างคนตั้งคำถามว่า หินหรือเพชรพลอยมี ความลึกลับ หรืออาถรรพณ์ อย่างไร และบางคนถามว่า ทำไมวงการอัญมณีไทยจึงตกต่ำ ผมในฐานะ คนหาพลอย อยากจะเล่าอะไร ให้พวกคุณได้รับรู้ไว้บ้าง ว่ากว่าจะได้หินหรือพลอย มาแต่ละเม็ด แต่ละก้อนนั้น มันยากลำบากแค่ไหน ผมจะเล่าเรื่องจริง ให้คุณฟัง เอาเรื่องเพชรก่อนก็แล้วกัน แต่ขอปิดแหล่งที่มาของเพชรไว้ เป็นความลับทางการค้าของผม (คือในวงการนี้ คนที่หาของพวกนี้มาขาย ในท้องตลาดนั้น เขาจะปิดแหล่งที่มาของเพชรพลอยไว้ เป็นความลับของเขา หวังว่าพวกคุณคงพอนึกภาพออกว่าทำไม)

▬ เมื่อปลายปีที่แล้ว ผมกับเพื่อนอีกคนหนึ่งมีคนมาติดต่อให้ไปดูเพชรในประเทศหนึ่ง ว่าเป็นของแท้หรือไม่ เมือผมกับเพื่อนได้ฝังข้อมูล ที่เขาเล่ามาทั้งหมด ก็คิดว่ามีความเป็นไปได้ว่า อาจจะเป็นเพชรจริงๆ ผมจึงตกลงเดินทางไปดู จากเมืองหลวง ของประเทศดังกล่าวนี้ ไปแหล่งทีมีเพชการพบเพชรนี้ ต้องใช้เวลาถึงสามวัน ผ่านป่าเขาแม่น้ำ และถิ่นโรคร้ายต่างๆมากมาย หากจะเล่าให้ละเอียด พวกคุณก็คงคิดว่าโม้ แต่คงไม่นานพวกคุณคงได้รู้ความจริง ผมกับคณะ เดินทางไปด้วยกันทั้งหมดห้าคน เป็นคนนำทางหนึ่งคน และเจ้าหน้าที่ของทางการเขาอีกสองคน

▬ พอไปถึงแหล่งของเพชร พวกผมก็ต้องตกใจ โอ้พระเจ้า ! นี่มันเพชร จริงๆ บางเม็ดเท่ากำปั้น น้ำหนักคงไม่ต่ำกว่าครึ่งกิโล แต่ว่าสถานที่ ที่ผมอยู่นี้เป็นชนเผ่าพื้นเมือง ที่แม้แต่คนต่างถิ่น หรือรัฐบาลกลางของประเทศเอง ก็ไม่อยากเข้ามาแตะต้อง เมื่อพวกผมไปถึง คนนำทางบอกว่า ห้ามมองเครื่องประดับ ของคนพวกนี้ให้ยิ้มเข้าใว้ และทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ คนทั้งหมู่บ้าน มารุมดูพวกเราทั้งคณะ พวกเขาไม่มีเสื้อผ้า ใช้ใบไม้ปิดของสงวน ไว้เท่านั้น คนนำทางส่งภาษา ประจำเผ่าให้พวกเขารู้ สักครู่ก็มีคนมากันสิบ ว่าคนมีหัวหน้าเผ่ามาด้วย หัวหน้าเผ่าแต่วตัวเต็มยศ คือใช้ใบไม้ปิดของสงวนใว้ใบเดียว ที่หัวมีหมวก ทำด้วยขนนกหลายชนิด ที่คอ มีสร้อยหลายเส้น ทำด้วยเขี้ยวของสัตว์ต่างๆ แต่มีอยู่เส้นหนึ่ง เป็นเพชรดิบทั้งก้อน ถักด้วยเชือกหนังสัตว์ อะไรสักอย่างไม่รู้ เพชรแต่ละเม็ดใหญ่กว่า หัวนิ้วโป้มืออีกขัดเป็นมันเงางามมาก ผมกับเพื่อนมองหน้ากันเฉยๆ ได้แต่นึกในใจอะไรกันนี้ หัวหน้าเผ่าพาพวกเราไปเรือนรับรอง สร้างเป็นกระท่อมใช้ใบไม้มุงหลังคา ผมและเพื่อน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล อีกสองคนไม่รู้ว่า คนนำทางพูดอะไร กับหัวหน้าเผ่าบ้าง ได้แต่ดูพวกเขาคุยกันถูกคอดี หัวหน้าเผ่า ชวนพวกเรา ให้นอนพักที่นี่หนึ่งคืน พวกเราตกลง

▬ ตอนเย็นพวกเขาจัดงานเลี้ยงต้อนรับเรา มีการเต้นรำรอบกองไฟ ฆ่าหมูถึงสามตัว เพื่อเป็นอาหารภายในบ้านรับรอง พวกเขาจัดที่นอนไว้ให้พวกเรา อย่างดี (คือดีที่สุดของคนทั้งเผ่า) ใช้หญ้าแห้ง กับหนังสัตว์ มาปูเป็นที่นอน ไม่มีผ้าห่ม ตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาแต่เช้าเป็นคนแรก มีคนเอาน้ำมาให้ กับเนื้อสัตว์อะไรไม่รู้ย่างสุกแล้ว แล้วเข้าก็ทำท้าทายให้ผมกิน เมื่อทุกคนตื่นหมดแล้ว ผมจึงถามคนนำทางว่า ตกลงว่าที่ให้มาดูเพชรนั้น ใช้สิ่งที่พวกเราเห็นกันหรือป่าว (หมายถึงเพชรที่คอหัวหน้าเผ่า และบางคนที่มีสร้อยคอแบบนั้น) คนนำทางตอบว่าใช่ แล้วถามผมว่าคุณคิดว่า มันเป็นเพชรแท้หรือป่าว ? ผมตอบว่าต้องขอดู เขาตอบว่าไม่มีทาง ที่เขาจะถอดออกจากคอ มาให้เราดู ผมก็ตอบว่างั้น คงยากที่จะบอกว่าใช่ของจริงหรือไม่

▬ พอพูดจบพวกหัวหน้าเผ่ากันชาวบ้านก็มากัน แล้วเขาก็พูดอะไรกันคนนำทางก็ไม่ทราบได้ คนนำทางหันมาบอกพวกเราว่า เมื่อเรากินอาหารแล้วก็ไปได้แล้ว พวกเขาจะไปส่งที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ระหว่างเดินจากบ้านรับรองมา พวกผมสี่คนไม่มีใครพูดอะไรกันเลย มีแต่หัวหน้าเผ่ากับ คนนำทาง สองคนเท่านั้น ที่พูดกันมาตลอดทาง ผมคิดในใจว่า หากมีวาสนาจริงก็ขอให้ได้เพชรสักเม็ด กลับไปดูที่บ้านด้วยเถิด ว่ามันเป็นของจริงหรือเป็น โทปาสกันแน่ หรือแร่อะไร ผมนึกในใจ และเอามือกำพระ ที่แขวนมากับสร้อยทองหนักสองบาทที่คอ

▬ เมื่อถึงปากทาง หัวหน้าเผ่าก็หันมาทางพวกเรา กล่าวล่ำลากันจับมือกันกับ เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสองคน แล้วมาเพื่อนผม มาคนนำทาง แล้วห้วหน้าเผ่าก็ถอดสร้อย ที่คอที่ทำด้วยเขี้ยวสัตว์ต่างๆ ให้กับคนนำทางเส้นหนึ่ง แล้วกล่าวให้พรกันอีก แล้วหัวหน้าเผ่า ก็หันมาที่ผม มาจับมือกับผม แล้วให้พรผม แล้วหันไปพูดอะไร กับคนนำทางไม่รู้ คนนำทางถามผมว่า ผมแขวนสร้อยที่คอทำไมหรือ ผมหยิบออกมานอกเสื้อ เพื่อให้เขาเห็นกัน และบอกว่านี่คือ พระเจ้าที่ผมนับถือ หัวหน้าเผ่าหันไปพูดอะไร กับคนนำทางไม้รู้นานมาก แล้วคนนำทาง ก็หันมาถามผมว่า ขอได้ไหมหัวหน้าเผ่าอยากได้ มันสวยดี ผมคิดในใจว่า ไม่เป็นไร ถ้าเราต้องให้ สิ่งที่เราเคารพบูชา ผมถอดสร้อยออกจากคอ แล้วพนมมือท่วมหัวว่า ช่วยคุ้มครองลูก และทุกคนกลับบ้านด้วย และให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงด้วยเถิด แล้วส่งสร้อยกับพระเลี่ยมทอง ให้หัวหน้าเผ่าไป หัวหน้าเผ่าหันไปพูดกับคนนำทาง สองสามคำ คนนำทางถามผมว่า ทำไมต้องยกมือไหว้แบบนั้น เป็นพระเจ้าของผมอยู่กับผม มาตลอดผมรักมาก และขอให้พระเจ้าของผม คุ้มครองหัวหน้าเผ่า และทุกคนในเผ่า คนนำทางก็แปลให้ หัวหน้าเผ่าฟัง

▬ หัวหน้าเผ่าแลสีหน้าดีใจมาก ถอดสร้อยเพชรที่คอ ส่งให้ผมแล้วคล้องคอให้ผม แล้วจับมือผมใว้แน่น ผมตกใจมากคิดอะไรไม่ออก หัวหน้าเผ่าหันไปพูดกับ คนนำทางอยู่หลายคำ คนนำทางหันมาพูดกับผม ว่าที่เขาให้นี้ ก็คือพระเจ้าของเขา ที่เขานับถือ คุณให้พระเจ้า ของคุณกับเขาได้ เขาก็ให้พระเจ้าของเขากับคุณได้ ผมพยายามข่มใจเอาใว้ และมองดูชาวบ้าน ที่มาส่งบางคนก็มีสร้อย แบบนี้ใส่กันหลายคน หัวหน้าเผ่ามองหน้าผม แล้วหันไปพูดกับคนนำทาง คนนำทางบอกกับผมว่า พวกเขานับถือ ก้อนหินสีขาวนี้เป็นพระเจ้า พวกเขามีกันเกือบทุกคน หินพระเจ้าจะปรากฏ ให้เห็นหลังจากที่ฝนหยุดตก ผมกับเพื่อน และเจ้าหน้าที่ของรัฐมองหน้ากัน แต่ไม่รู้ว่าใครจะคิดอย่างไรกันบ้าง

▬ เมื่อพวกเราเดินทาง มาห่างจากหมู่บ้านพอสมควรแล้ว คนนำทางก็หยุด บอกว่าพักกันก่อนแล้ว ขอดูสร้อยที่ผมได้ผมก็ถอดให้ดูทุกคน ดูกันหมดเจ้าหน้าที่รัฐบาล และคนนำทางกำลังดูกัน เพื่อนผมก็พูดออกมาว่า เป็นโทปาสนะ ว่าแล้วก็มองหน้าผมเป็นอันว่ารู้กัน แล้วเพื่อนผมก็หยิบมาดู แล้วก็พูดย้ำอีกว่า โทรปาสจริงๆด้วย แล้วก็ส่งให้ผมดู ผมก็ดูแต่นึกในใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี เจ้าหน้าที่ของรัฐก็หันมาบอกผมว่าเมื่อถึงที่พักขอผมคนละสองเม็ดได้ไหม ? ผมรีบตอบว่าได้ซิ คนนำทางบอกว่าขอผมด้วยนะ ผมบอกว่าได้ ผมนับดูทั้งหมดมี ยี่สิบสองเม็ด ผมบอกพวกเขาว่า เดี๋ยวถึงที่พักแล้วจะแกะแบ่งให้ พอถึงที่พัก ต่างคนก็แยกย้ายกันเข้าห้อง เพื่อนผมมากระซิบว่า เฮยมึง... จะทำอย่างไร ผมบอกว่า ต้องให้เข้าไป คนละสองเม็ด แต่ต้องหาทางกลับ เมืองไทยให้เร็วที่สุด ผมวางแผนกับเพื่อน เพื่อไม่ให้มีพิรุษ และเป็นที่สงสัย ผมเลือกเพชรออกมาหกเม็ด แล้วแบ่งให้เจ้าหน้าที่รัฐบาล ไปคนละสองเม็ด ให้คนนำทางอีกสองเม็ด แล้วจ่ายเงิน ให้เจ้าหน้าที่อีกคนละสองร้อยเหรียญ แล้วแยกย้ายกัน

▬ ผมกับเพื่อน และคนนำทางกลับเมืองหลวง ผมต้องพักเมืองหลวงหนึ่งคืน ตอนเย็นพวกเราสามคน นั่งกินข้าวเย็นกันคุยกัน ถึงเรื่องที่ผ่านมาแปลกไม่มีใครถามเรื่องเพชรเลยพอตกดึก ต่างคนต่าง แยกย้ายกันไปนอน ผมกับเพื่อนนอนห้องเดียวกัน เราคุยกันว่าจะเอายังงัยต่อดี ผมบอกเพื่อนว่า ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากทำใจดีๆ ผมบอกเพื่อนว่าตอนนี้เพชร ทั้งหมดเหลือ 16 เม็ด แต่ละเม็ดใหญ่กว่า หัวนิ้วโป้ อีก ผมคิดในใจ ถ้าจำเป็นต้องกลืนเพชร ลงท้องคงทำได้แค่คนละเม็ดเดียว แล้วผมก็บอก กับเพื่อน พรุ่งนี้เช้าเราต้องขึ้น เครื่องกลับเมื่องไทย ตอนเที่ยงหากมีอะไร เราจะกลืนลง ท้องคนละเม็ด แล้วผมก็เอาไฟเผาเชือกหนังที่ถักเพชรไว้ทิ้งเสีย แล้วเลือกเพชรเม็ดที่ดีที่สุด ให้เพื่อนเก็บไว้เม็ดหนึ่ง แล้วบอกว่าถ้ามีอะไรก็กลืนลงท้องไปก่อน แล้วคิดในใจว่าหากมีอะไรเกิดขึ้น ผมก็ต้องกลืนลงท้องเม็ดหนึ่งเหมือนกัน

▬ ตอนเข้าผมกับเพื่อนกำลังเก็บของ มีคนมาเคาะประตูผมรีบไปดูที่ช่องรูกระจก โอ้พระเจ้า ....ทหารเต็มเลย ผมรีบบอกเพื่อน รีบกลืนเพชรลงท้องไปคนละเม็ด ผมบอกให้เพื่อนทำใจดีๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้บอกตรงกันว่าได้เพชร มายี่สิบเม็ดเราตกลงกันแล้ว ผมก็ไปเปิดประตูแล้ว ก็ทำถ้าตกใจทหารเข้ามาค้นห้องเจอเพชรที่เหลือแล้วพาเราไปสอบสวน ผมก็ยืนยันว่า มันหน้าจะเป็นโทปาส ทหารบอกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ สองคนและคนนำทางของผม โดนจับแล้ว ผมจะเอาของออกไปจากประเทศเขาไม่ได้ ผมก็บอกเขาว่าไม่ให้ ก็ไม่เป็นไรจะเที่ยงแล้ว ผมต้องไปสนามบิน คุณอยากได้ของ ก็เอาไปเถิดไม่เป็นไร พวกทหาร ขอดูตั๋วเครื่องบินผม ผมต้องไปให้ถึงสนามบินก่อนขึ้นเครื่องหนึ่งชั่วโมง เครื่องบินออกเที่ยงแต่ตอนนี้ 11 โมงแล้ว ผมบอกเขาว่าต้องกลับ ไปเก็บกระเป๋าที่โรงแรมอีก พวกเขารีบพาผมขึ้นรถ มาเก็บกระเป๋าที่โรงแรม และพาผมกับเพื่อน มาส่งที่สนามบินพอมาถึงสนามบินพวกเขาพาผมมาส่งถึงเครืองเลยโดยไม่ต้องผ่าน ต.ม.ของที่นี่พวกเขาจัดการเช็คอิน โหลดกระเป๋าเดินทางให้เสร็จ เพราะเครื่องบินรอผู้โดยสาร อยู่แค่สองคนผมกับเพื่อน เมื่องเครื่องบินขึ้น ผมกับเพื่อนพูดว่า กูว่าแล้ว ตลอดทางเราเป็นที่สนใจ ของผู้โดยสาร แต่ไม่มีใครถามเรา ผมกับเพื่อนตลอดทาง ก็ไม่คุยอะไรกันจนกลับถึงเมืองไทย เอาแค่นี้ก่อนนะครับ แล้วจะกลับมาเล่าเรื่องเพชรสองเม็ด ที่อยู่ในท้องเราสองคนให้ฟัง และวิบากกรรมของคนนำทาง และเจ้าหน้าที่รัฐสองคนนั้นให้ฟังอีก อีกไม่นานเรื่องจริงก็คงเปิดเผย จำชื่อคนหาพลอยใว้นะครับ

จาก Web board 'คุยเฟื่อง เรื่องหิน' กระทู้ที่ 1173