วิธีรักษา

ก็ควรระมัดระวังพลอย ซึ่งแต่ละอย่าง มีความแตกต่างกัน ทางคุณสมบัติ ฉะนั้นจึงควรรักษา ด้วยวิธีต่างกัน และให้ความระวัง เป็นพิเศษ เฉพาะกรณี

1. วิธีรักษาเพชร ทำความสะอาด ด้วยน้ำอุ่น ใส่น้ำสบู่ และ แอมโมเนีย 1 ช้อนโต๊ะ แล้วจึงนำเพชร ลงไปแช่ ปัดด้วยแปรง อ่อนๆ ตามที่สกปรก แล้วเช็ดให้แห้ง จึงค่อยล้างอีกครั้ง ด้วยน้ำอุ่น จากนั้นล้างเพชร ที่เช็ดแห้งแล้ว ในเบนซินขาว (น้ำยาล้างแผล) เพื่อล้างคราบสบู่ออกให้หมด แล้วจึงทำความสะอาดอีกครั้ง

2. ควรตรวจดูหนามเตย ที่เกาะพลอยหรือเพชร ว่ามี สภาพดีหรือไม่เสมอ หลังจากได้สวมใส่ บ่อยครั้งแล้ว

3. การเก็บ ควรเก็บอย่าให้เพชร หรือพลอยกระทบกัน หรือกระทบกับวัตถุอื่น เพื่อรักษาขอบ และเหลี่ยม เจียระไน และคววรเก็บในที่ปลอดภัย โดยก่อนเก็บ ต้องเช็ดให้สะอาด ด้วยผ้าเช็ดพลอย

4. ระมัดระวังเวลาใช้สวมใส่ ไม่ควรให้กระทบ หรือขูดขีด อาจทำให้เกิดรอยได้ หรือไม่ควรใส่ ทำงานที่หนัก เมื่อตัวเรือน ถูกกระทบ รูปร่างเปลี่ยนไป จะทำให้พลอยเสียหายได้

5. ไข่มุก ควรเก็บที่เย็นและแห้ง ถ้าเก็บในที่ร้อน และชื้น เกินไปจะทำให้เสีย ความมันวาว มุกดูดเหงื่อไคลได้ง่าย จึงไม่ควร ใส่ติดผิวหนัง และควรใช้มือแห้งจับ และไม่ควรให้ถูกน้ำหอม หรือเคมีใดๆ

6. โอปอลลักษณะพลอย จะเป็นรูพรุนเต็มไปหมด ไม่ควรใช้ใส่ ทำงานหนัก เพราะถ้าโดนเคมี ต่างๆ อาจทำให้พลอยแตก หรือสึกกร่อนเร็วขึ้น

7. มรกตหรือพลอยเนื้ออ่อนควรระวังเป็นพิเศษ ไม่ควรให้กระทบ เพราะจะง่าย ต่อการเสียหายได้

8. พลอยบางชนิด เช่น ไข่มุก โอปอล หยก ไม่ควรให้ โดนความร้อนสูง เพราะเป็นพลอยเนื้ออ่อน จะเกิดอันตราย ได้ง่ายถ้าโดนความร้อนสูง หรืออย่างพลอยบุษราคัมไม่ทนต่อ กรดกำมะถัน เป็นต้น

9. เครื่องประดับทุกชิ้นควรมีการจดบันทึกจำนวน เม็ดพลอย น้ำหนักของเพชร พลอย ทอง ขนาด คุณภาพ และเกรดไว้ หากเป็นเครื่องประดับที่ซื้อจากร้านค้า ที่มีใบรับรองคุณภาพ ควรขอ และเก็บรักษาไว้

10. ให้เก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย เช่น ตู้เซฟ เพราะเครื่อง ประดับย่อมเป็นสิ่งที่ล่อใจผู้พบเห็นให้กระทำ ความผิด ได้โดย ไม่ตั้งใจ ป็