การพิจารณาเลือกซื้อ 'ไพลิน (Sapphire)'
การพิจารณาเลือกซื้อไพลิน

1. สี

เป็นสำคัญ ตามมาด้วย มลทิน การเจียระไนและขนาด ให้คำนึงเปรียบเทียบ ถึงความสัมพันธ์ ของตัวประกอบ เหล่านี้ว่า เหมาะสมต่อความสวยงาม หรือไม่อย่างไร แต่ถ้าองค์ประกอบ เหล่านี้ดีครบ ราคาก็จะแพง ไพลินที่มีสีสวยที่สุดคือ สีน้ำเงิน อมม่วงเล็กน้อย โทนสีไม่มืดมาก ปานกลาง มีเนื้อกำมะหยี่ มีความสุกใส มีประกายแวววาวดี ควรดูความสม่ำเสมอ ของสีด้วย สีที่ไม่สม่ำเสมอ ในเนื้อพลอย จะทำให้ราคาตกลง ไพลินที่มีโทนสีมืด สีมีความเข้มมาก เกินไปจนมองดูดำมืด และไพลินที่มีโทน สีสว่างอ่อนเกินไป จะสวยน้อย และมีราคาไม่แพง ดังนั้น ถ้ามีเงินไม่มากนัก ควรเลือกไพลินโทนสี ค่อนข้างสว่าง ความเข้มของสี กำลังดีเพราะราคา จะถูกลง แถมยังทำให้มองดูสวย ภายใต้แสงไฟ เนื่องจาก มีความสุกใส กว่าไพลินที่มีโทน สีมืดคล้ำ แต่อย่าเลือกไพลิน โทนสีสว่างโล่งเกินไป หรือความเข้มข องสีน้อยเกินไป เพราะจะมองดู ไม่สวยสง่า เหมือนไพลิน ที่มีความเข้ม ของสีมากกว่า กล่าวคือ ให้มีความเข้ม ของสีน้ำเงินอยู่ และมีโทนสีสว่างบ้าง มิใช่เป็นสีน้ำเงินอ่อน จนเป็นสีฟ้า แถมมีโทน สีสว่างด้วย

2. มลทิน ตำหนิ

เมื่อสังเกต ดูสีจนเป็นที่พอใจ แล้วให้ดูว่า ไพลินนั้นสะอาด เมื่อมองด้วยตาเปล่าแล้ว มองเห็นมลทิน ตำหน ิภายในหรือไม่ ถ้ามองไม่เห็น มลทินด้วยตาเปล่า ก็ถือว่าใช้ได้ ไพลินที่มีมลทิน อยู่ภายในเนื้อ เป็นข้อบ่งชี้ว่าเป็น ของธรรมชาติ แต่ต้องดูแยกให้ออก ว่าเป็นมลทินธรรมชาติ หรือมลทินสังเคราะห์ (ทำขึ้น) การดูมลทิน มักจะต้องใช้แว่นขยาย 10 เท่าขึ้นไป หรือกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งผู้ชำนาญเท่านั้น จึงจะสามารถแยก ออกจากกันได้ว่า เป็นมลทินธรรมชาติ หรือมลทินสังเคราะห์ ไพลินธรรมชาติที่ใส สะอาดไร้มลทิน จะหาได้ยากมาก ดังนั้น ถ้าพบไพลินเช่นนี้ อย่าได้วางใจ มีอยู่ 2 กรณีคือ อาจจะเป็นมลทิน ขนาดเล็กๆ ซึ่งเป็นมลทินของแท้ ซ่อนตัวอยู่ภายใน เนื้อพลอย จนมองไม่เห็น ด้วยตาเปล่า อาจจะต้องใช้แว่นขยาย บวกกับระบบแสง ที่ถูกต้องในการตรวจหา หรืออาจจะใส ไร้มลทินไปเลย และมองเห็น แต่เส้นโค้ง เป็นชั้นบางๆ ซึ่งเป็นไพลินสังเคราะห์ก็ได้ ดังนั้น จึงไม่แนะนำ ให้ซื้อไพลินที่ใสสะอาด ไร้มลทินเพราะหายากมาก นั่นเอง ถึงแม้จะมีก็ราคาแพงมาก แถมอาจจะเจอเอา พลอยสังเคราะห์ด้วย ดังนั้น แทนที่จะจ่ายเงินเพื่อความสวยงาม กลับจ่ายเงิน ด้วยความไม่รู้ เพื่อความหายากซึ่งไม่ควร ตำหนิมลทิน ที่ไม่ถึงกับบดบัง ความสวยงาม หรือทำให้พลอยแตกร้าว ก็ถือเป็นใช้ได้ นอกจากนี้ ควรเลือกไพลินที่ มีความโปร่งใสหน่อย เพราะจะทำให้พลอย ดูมีประกายมีชีวิตชีวาขึ้น

3. การเจียระไน

ไพลินที่มีการเจียระไน ได้สัดส่วน ถูกต้องสวยงาม พร้อมกับมี การเจียระไน โดยให้การวางตัว ของโต๊ะหน้าพลอย ที่จะให้ได้ไพลิน สีสวยที่สุดคือ เจียระไนโดยให้โต๊ะหน้าพลอย วางตัวในทิศทางที่จะ ให้สีน้ำเงินอมม่วง หรือน้ำเงิน ไม่ใช่น้ำเงินอมเขียว รูปร่างของหน้าพลอย ถ้าเป็นกลมก็กลมสวย ไม่เบี้ยว ถ้าเป็นทรงไข่ก็ไข่สวย ไม่บิดเบี้ยว มีความสมมาตร มีขอบพลอยขนาดพอดี และมีขนาดก้นพลอย ไม่ยาวหรือสั้นจนเกินไป และฝีมือประณีต ในการเจียระไน จะดูได้จากลักษณะเหลี่ยมคม ของแต่ละหน้านั้น มีความคมชัดเรียบสวยงาม ไม่แตกขรุขระ แต่ละหน้าเหลี่ยมพลอย มีรูปร่างดี ไม่บิดเบี้ยวแตกต่างกัน ความสวยงามของไพลิน จะลดน้อยลงมาก ถ้าขาดการเจียระไนที่ดี ดังนั้น ควรจะพิจารณาดูอย่างง่ายๆ ว่า ไพลินที่ซื้อนั้นมีก้นพลอย ที่ได้ระยะพอดี ไม่ยาวหรือสั้น เกินไปจนดูแปลกตา ลักษณะก้นพลอย และหน้าเหลี่ยมต่างๆ ไม่บิดเบี้ยว มีความสมมาตรดี มีเหลี่ยมเจียระไน คมชัดเจนดี เป็นอันว่าใช้ได้

ข้อควรระวังในการเลือกซื้อไพลิน

1. ให้ระวังพลอยสีน้ำเงิน สีฟ้า โดยที่คนส่วนใหญ่ อาจเข้าใจผิดว่า เป็นไพลิน ทำให้ซื้อมาผิดๆ หรือไม่ก็ซื้อมาในนาม ของไพลิน ราคาไพลิน แต่เป็นพลอยชนิดอื่น เช่น อาจไปซื้อเอาเพทายสีฟ้า อะความารีน คาลชิโดนีสีฟ้า ทัวร์มาลีนสีน้ำเงิน เป็นต้น

2. ให้ระวังไพลินสังเคราะห์ เนื่องจากมีคุณสมบัติทางกายภาพ และทางแสง เหมือนกับ ของแท้หมด แถมถ้าเป็นชนิดที่มีมลทินแล้ว มลทินนั้นยังดูคล้ายของแท้เสียอีก สร้างความปวดหัว ให้กับนักตรวจเพชรพลอย ไปตามๆ กัน ดังนั้น ถ้าสงสัย ไม่แน่ใจ ส่งมาเข้าห้องตรวจสอบ เพชรพลอยเสียก่อน

3. ให้ระวังไพลินเผาเคลือบสีที่ผิว ซึ่งมักเป็นไพลินสีอ่อน ใสไม่สวย นำมาเคลือบเผา ย้อมสีที่ผิวไพลินเหล่านี้ จะมองเห็นความผิดปกติ ของสีกระจายเป็นหย่อมๆ อยู่ในเนื้อพลอย หรือผิวพลอย

4. ให้ระวังไพลินประกบ อาจจะประกบ ระหว่างของแท้ กับของแท้ เพื่อให้ได้ขนาดใหญ่ หรือประกบ ระหว่างไพลินธรรมชาติ กับไพลินสังเคราะห์ โปรดสังเกตว่า มีแนวระนาบ แบ่งชั้นพลอยอยู่หรือไม่ ที่ขอบพลอย มีลักษณะของรอยต่อ หรือไม่ มองพลอย จากด้านบนแล้ว ไม่ทะลุผ่าน ถึงก้นพลอยหรือไม่

5. ไพลินที่ผ่านกระบวนการเพิ่มคุณภาพ โดยให้ความร้อน ที่เรียกว่าพลอยเผานั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เหมือนกับการนำพลอยมาเจียระไนนั่นเอง

6. สำหรับพลอยสาแหรกนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นสีดำ หรือสีน้ำเงินเทา ให้เลือกดูว่าดาวมีขาครบ ลักษณะดาว อยู่ตรงกลางพลอย และมีการเจียระไน ได้สัดส่วนดี คือมีส่วนก้น ไม่หนาเกินไป (พลอยสาแหรก จะต้องเจียระไนเป็นหลังเบี้ย หรือหลังเต่าเท่านั้น เพื่อให้เกิดดาว)

ควรซื้อไพลินแบบไหน ?

เมื่อเลือกได้สีที่ถูกใจแล้ว เช่น บางคนอาจชอบสีน้ำเงินเข้มขรึม บางคนอาจ ชอบสีน้ำเงินอ่อน ออกฟ้า บางคนชอบน้ำเงินอมม่วง บางคนชอบน้ำเงินดำ บางคนชอบ น้ำเงินอมเขียว จะเลือกสีไหนก็แล้วแต่ เพราะก็ทราบกันแล้วว่า สีคุณภาพที่ดีที่สุด คือสีอะไร แต่ให้พยายามเลือก ไพลินที่มีโทนสี ค่อนข้างสว่าง แต่ก็มิใช่สว่างโล่ง เกินไป เพราะราคาจะถูกลง แถมยังทำให้มองดูสวย ภายใต้แสงไฟ เพราะมีความสุกใส มีประกายแวววาว ดีกว่าไพลินที่มีโทนสีมืด แต่อย่าเลือกไพลิน ที่มีความเข้มของสีน้อยเกินไป คือ ไพลินสีอ่อน เพราะจะมองดูไม่สวย ไม่ขรึมสง่า เหมือนไพลิน ที่มีความเข้มของสีสูง และขนาดก็ควรจะเลือก ขนาดต่ำกว่า 2 กะรัตลงมา เพราะขนาดใหญ่ เพิ่มกว่า 1 กะรัตขึ้นไป ราคาจะแพงขึ้น เป็นเท่าตัว ในคุณภาพเดียวกัน ไพลินขนาด 1 กะรัต สีสวยที่ขายอยู่ในตลาด ใส ไร้มลทิน ราคาต่อกะรัต ประมาณ 20,000 - 60,000 บาท ก็น่าจะเป็นคุณภาพ ที่เหมาะสมต่อการ เลือกซื้อหามาใช้ ไพลินคุณภาพต่ำ แต่มีการซื้อขายกัน โดยเจียระไนเป็นขนาดเล็กๆ ทำแหวนราคาไม่แพง ราคาต่อกะรัต ประมาณ 400 - 500 บาทเท่านั้น ไพลินคุณภาพต่ำมาก ราคาต่อกะรัตเพียง 50 - 100 บาทเท่านั้น ยกเว้นไพลินสีสวย ล้ำเลิศที่หนึ่ง ราคาต่อกะรัตประมาณ 100,000 - 150,000 บาท (ราคาจาก Gemworld Pricing Guide , Jewellers Directory 1991 / 1992)

(จาก Rock-Hut information)