อาถรรพ์ของพลอย ภาค 33

เล่าเรื่องโดย คนหาพลอย

▬ สวัสดีครับ เป็นอย่างไรบ้างครับ เรื่องราวในพม่า จากที่ผมได้เล่าไปแล้ว ก่อนที่ผมจะเล่า ตอนต่อไป ผมต้องขอกล่าว ขอบคุณ คนไทยคนหนึ่งที่เคยมาทำงานที่นี่ครับ เขาได้ทำความดีเอาไว้ และผมก็ได้ รับอานิสงส์ ที่ท่านผู้นี้ได้ทำไว้ครับ ผมมีคนขับรถ คนหนึ่ง ตั้งแต่วันแรกที่ผมมา เขาไปรับผม ที่สนามบิน เขาก็พูด แต่ความดี ที่คนไทยคนนี้ ได้ทำไว้ให้ผมฟัง แถมยังใส่เสื้อผ้า ชุดที่คนไทย ผู้นี้ ซื้อไว้ให้ใส่ไปรับผม ที่สนามบินอีก เป็นกางเกงยีน กับเสื้อเชิต ถึงจะไม่ใช่ ของดี ราคาแพง แต่เขาก็ภูมิใจมาก ใส่มาอวดผมอยู่ เป็นประจำ เวลาผมจะไป ที่ไหนเขา ก็จะไม่ยอมให้ คนขับรถคนอื่น มาบริการผม จะคอยดูแลผม อย่างดี เล่นเอาบางครั้ง พวกญี่ปุ่นอิจฉาผม เขาเล่าเรื่อง คนไทยผู้นี้ ให้ผมฟังว่า เข้ามาทำงาน เป็น Supervisor ควบ คุมดูแลงาน สร้างเสาไฟฟ้า แรงสูงให้กับ บริษัท BUKAKA ของอินโดนีเซีย เป็นคนไทย ที่เรียบร้อยดีมาก คนงานคองโกรัก และคิดถึงอยู่เสมอ มาทำงานอยู่ที่นี่ หนึ่งปีเต็ม เขาชื่อ ฉัตรชัย (หากเขาออกเสียง ไม่เพี้ยน ) ส่วนนามสกุล ไม่มีใครจำได้

▬ หากคุณฉัตรชัย ได้อ่านพบบทความนี้ ผมขอขอบคุณๆ มาก ที่ทำความดีไว้ ที่นี่และ เมื่อผมมาทำงาน ที่นี่ความดีที่คุณ ได้ทำไว้ มันได้ส่งผลมา ถึงผม คนขับรถ ของคุณ ชื่อ บาบาซู ได้ เล่าเรื่องราว ของคุณให้ผมฟัง และบัดนี้เขาได้มา ขับรถให้กับผม ได้เกือบสองเดือนแล้ว และผมก็ยอมรับว่า บาบาซู เป็นคนดีมาก ถึงตัวจะดำ แต่น้ำใจก็ไม่ดำ เหมือนตัว แถมพูดจาก็นิ่นนวน หากทำผิด ก็รู้จักขอโทษ ท่านทั้งหลาย หากท่านได้มีโอกาส ไปทำงานต่างประเทศ หรือไปเที่ยวต่างประเทศ ท่านทั้งหลาย ทำความ ดี ทิ้งเอาไว้บ้าง นะครับ ความดีนั้น ก็จะส่งผลไปถึง คนที่ไปทีหลัง เหมือนที่ผม ได้รับนี่แหละครับ ผมเห็นคน บางคน เวลาได้ไป ทำงานต่างประเทศ ที่หนึ่ง หากเป็นประเทศ ที่ยากจน กว่าเรา ก็ชอบจะดูถูกคน ของเขาเอา เปรียบพวกเขา บ้างที ก็เที่ยวผู้หญิง เป็นว่าเล่น เห็นเป็นของถูก ของสนุกไปเลยก็มี อย่าไป เอาอย่าง คนแบบนั้น นะครับ แต่ก็ควรระวัง บางประเทศ ก็ชอบจ้องจะ เอาเปรียบคนไทย อยู่นะครับ คนบางคน เห็นคนดีเป็นคนโง่ ก็มี จะชอบหลอกล่อ ให้ตกหลุมพราง หรือกับดักของตัวเอง หารู้ไม่ว่ายมพบาล ยืนดูอยู่ด้านหลัง

▬ พวกบริษัทใหญ่ ๆ ของคนไทย ที่ไปลงทุน ในต่างประเทศนั้น เวลาส่งคนไทยไปทำงาน ก็ไม่ค่อยจะได้ อบรม สั่งสอน พนักงาน ของตัวเอง ที่เป็นคนไทย สักเท่าไรนัก ผมเห็นคนพวกนี้ ในร้อยคน จะมีอยู่แค่สิบคน แค่นั้นเอง ที่เป็นคนดี แบบว่าเวลา อยู่ก็ให้เขารัก เวลาจาก ก็ให้เขาคิดถึง นอกนั้น ยิ่งเป็นคน ที่มีต่ำแหน่งพ่วง ท้าย ใหญ่หน่อย ก็ชอบกางปีกกางขา มองไม่เห็นหัว ชาวบ้าน ใครจะเข้าหาที่ต้อง มีพิธีรีตอง ทำเสียชื่อคนไทย หมด ในเอเชียนั้น ประเทศไทย ได้ชื่อว่า เป็นประเทศ ที่มีคนมีสมบัติผู้ดีมากกว่า ผู้ดีอังกฤษอีก น่าจะสอน เรื่อง พวกนี้ ติดตัวพนักงาน ไว้บ้าง ก่อนส่งไป ทำงานต่างประเทศ ท่านทั้งหลาย อาจจะอยากรู้ว่า BUKAKA เป็นบริษัทอะไร ของอินโดนีเซียหรือ? ผมก็ขออธิบาย ให้ฟังว่า บริษัทนี้ เป็นบริษัทในเครือเดียวกับ บริษัทชิโนไทย ที่อยู่ในเมืองไทย นั่นแหละครับ เป็นบริษัทก่อสร้างขนาด ใหญ่ ของญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ร่วมทุนกัน อยู่ในอินโดนีเซีย รับสร้างตั้งแต่สากกะเบือ ยันเรือรบ เลยแหละ ครับ สนามบินใหม่ สุวรรณภูมิ ของเราผมก็รู้สึกว่า เขาก็ได้งานทำ ก็คือบริษัทชิโนไทย นั่นแหละครับ ทุนทาง ญี่ปุ่น เจ้าของเดียวกัน เวลาท่านเดินไป ขึ้นเครื่องบิน ท่านลองสังเกตุงวงช้าง ที่ยื่นไปหาลำตัว เครื่องบินให้ท่าน เดินไปขึ้น เครื่องบินดูนะครับ จะเขียนว่าทำจาก บริษัท BUKAKA Made in Indonesia บริษัทนี้แหละครับ ผมก็ไม่ทราบได้ว่า กะอีแค่งวงช้างแค่นี้ ทำไมทำในเมืองไทย ไม่ได้

▬ ผมเห็นในเมืองไทย มีอู่ต่อรถสิบล้อรถดั้ม รถพ่วง ตามบ้านนอก เขาต่อรถกัน ยังยากกว่า ต่องวงช้างขึ้นเครื่องบินอีก ท่านทั้งหลาย ทราบหรือไม่ว่า อุตสาหกรรมหนัก ของเมืองไทยเรานั้น ล้าหลังประเทศ เพื่อนบ้าน เกือบแทบจะทุกชนิด เลยแหละครับ ยิ่งพวกรถ ไถ รถแทร็กเตอร์ รถขุดขนาดใหญ่ ด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึง เราแทบจะผลิตเอง ไม่ได้เลย เต็มที่ ก็แค่สั่งของ มาประกอบเอง ขนาดพม่า เขายังสร้างรถไถนา ขนาดใหญ่ ได้ทั้งคันเลยนะครับ ร้อยเปอร์เซ็น เต็มเลยของเรายัง ต้อง สั่งจากอังกฤษ และญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ อยู่เลย ยิ่งประเทศ อินโดนีเซียด้วยแล้ว ท่านเชื่อไหมครับว่ารถไฟ ความเร็วสูง เขายังสร้างเองได้เลย เครื่องบินพาณิชย์ เขาก็สร้างได้ เรายังซื้อเขามาเลย เรือรบเรือสินค้า ขนาดใหญ่ เขาก็ต่อเอง และตอนนี้ เขาก็กำลังต่อเรือดำน้ำเอง เป็นแบบลับมากด้วยแต่ผมก็รู้ เพราะบริษัท ที่ผมทำงานอยู่ ด้วยนี้ขายอุปกรณ์ บางอย่าง ให้กับเขาจรวด หรือปืนใหญ่ เขาก็สร้างเองได้ ชนิด แบบยี่สิบท่อยิง เลยทีเดียวครับ ไม่เหมือน ทหารไทย ของเราครับ เขาจะสอนกันมาว่า ไม่ซื้อไม่ได้รวยนะมึง อะไรประมาณนี้ แหละครับ

▬ ผมอยู่ เมืองไทย ก็เอาของไปขาย ให้ทหารสื่อสาร บ่อยๆ ครับ ถ้าพวกเขาเห็นหน้าผม เขาก็จะรู้จักผมดี ขนาดนายหลวง ท่านสั่ง ให้ต่อเรือรบใช้เอง ยังดื่อด้าน ไปให้จีนต่อ ให้เลยครับ ชอบอ้างว่าเป็นหนี้บุญคุณจีนไว้ ผมจะบอกไว้ให้ นะครับทหารไทย ทั้งหลาย จีนนะเป็นหนี้ บุญคุณไทย มากกว่า ไทยเป็นหนี้บุญคุณจีนอีกนะครับ จะมาอ้างว่า ช่วยทำสงคราม สั่งสอนญวน ให้ไทยนั้น ผมก็ฟังไม่ขึ้นครับ เพราะคอมมิวนิสต์ เต็มเอเชีย ก็เพราะจีนแตกตีกันเอง แบ่งออก เป็นก๊ก เป็นเหล่า เป็นไต้หวัน เป็นกองพล 93 บางพวกก็มาอยู่ในเมืองไทย จนได้ดีร่ำรวย เป็นมหาเศษฐีใน ปัจจุบันนี้ ตอนที่เศรษฐกิจ ไทยล้มนั้น ท่านนายก ตอนนั้น ก็จะไปยืมเงินของรัฐบาลจีน มาใช้ จีนท่านก็ให็ยืม แต่เรา ก็ไม่ได้ไปเอามาใช้ ท่านเชื่อผม หรือไม่ว่า ที่ลูกหลานคนไทย ติดยาเสพติด กันงอมแงม ก็เพราะคนจีนและทหาร ไทยเรานี่แหละครับ สมัยก่อนนี้ ขี้ขลาดตาขาวมาก รบเองไม่เป็นครับ ทั้งยุทธภูมิเขาค้อ หรือดอยแม่สะลอง ดอย ตุง หรือที่รบกับ พวกคอมมิวนิสต์ ทั้งหลายนี่แหละครับ ทหารไทยของเรา ก็ไปหลอกจ้าง พวกแม้วพวกอีก้อพวก ว้าแดง พวกชาวเขา ทั้งหลาย ทางภาคเหนือ นี่แหละครับ ไปรบแทนทหารไทยของเรา ไปรบกับพวกจีนคอม มิวนิสต์นี่แหละครับ บางทีก็จ้างพวก จีนคอมมิวนิสต์ อีกฝ่ายหนึ่ง มารบแทน ก็คือ พวกที่ผลิตยาเสพติด อยู่ทุก วันนี้แหละครับ คนพวกนี้ ครั้งหนึ่ง เขาเคยมีบุญคุณ กับประเทศไทย ไว้ครับสู้กับ คอมมิวนิสต์จีน แทนคนไทย แต่ต่อมา ก็ไม่ยอมกลับไป อยู่ไต้หวัน แต่ก็พยายาม สร้างอำนาจ ของตัวเอง ขึ้นมาโดยการ ผลิตยาเสพติดขึ้น มาขาย เพื่อที่จะได้มีเงิน ได้เร็วขึ้น ตอนนี้แม้แต่ รัฐบาลพม่า ก็เป็นหนี้พวกเขาอยู่ ไม่รู้จะใช้หมด อย่างไรเลย เมื่อห้าหกปี ก่อนนี้ท่านทั้งหลาย คงจำได้นะครับว่า ราชายาเสพติดโดนจับในเมืองไทย อยู่ในกรุงเทพแท้ๆ แต่ก็หายตัวไป อย่างไร้ร่องรอย ก็ถือเป็นการ ทดแทน บุญคุณกัน ไว้ครับ ที่เขาได้รบแทน ทหารไทย ขี้ขลาดตา ขาว ในสมัยก่อนโน้นไว้

▬ ครั้งหนึ่ง ผมไปพม่า มาก่อนหน้านี้แล้ว ท่านเชื่อผมหรือไม่ว่าผมไป ทำอะไรมา ฮิ ฮิ ผมจะบอกให้ ก่อนนะครับ ทางบริษัทผมก็ส่งผมไป ติดตั้งอุปกรณ์สื่อสาร ให้กับพวกเขานี่แหละครับ และท่าน เปายู่ฉาง ท่านก็ยังขับรถ ฮัมวี่ ให้ผมนั่งเล่น ชมเมืองปางซาง ผมถามท่านว่า ไปเอามาจากไหน ? ท่านบอกว่า ซื้อต่อมาจากพวกไทยใหญ่ อีกทีหนึ่ง พอขากลับ ผมก็แวะเข้าไปเยี่ยม ท่านเว่ยเซียหลง แต่ไม่เจอ เว่ยเซียกัง และท่านก็บอกมาว่า เขาเลิกผลิตไปนานแล้ว ยาบ้านะแต่มีอีกกลุ่มหนึ่งผลิตอยู่ แต่ไม่ได้ผลิตขาย แค่ร่วมมือ กับตำรวจไทย หลอกให้พวกชนกลุ่มน้อย ขนเข้าไปในเมืองไทย แล้วก็จับ ทางรัฐบาลไทยให้ค่า นำจับ เม็ดละหนึ่งบาท จับครั้งละ 4 หรือ 5 ล้านเม็ดก็รวยแล้ว ยิ่งตำรวจไทย มีการล่อซื้อ และจับได้มากเท่า ไร ก็รวยมากเท่านั้น หากท่านทั้งหลาย ไม่เชื่อผม ท่านลองไป ถามท่าน นายก ดูซิครับว่า ยังให้ค่านำจับอยู่หรือ ป่าว มันทำกันสารพัด รูปแบบเลย เขายังบอกมาอีกว่า ยังมีการแบ่งออก เป็นอีกหลายพวกอีก ตั้งตัวพร้อมที่ จะเป็นผู้มีอำนาจ ในแต่ละพื้นที่ และพร้อมที่ จะค้าขาย สารพัดรูปแบบ กับคนไทย ฮึ ? และผมก็แวะถามเจ้า ยอดศึกว่า ขายรถฮัมวี่ไปแล้วหรือ ? ท่านก็ตอบว่าใช่ เพราะจะได้รถคันใหม่มาจาก ทหารไทยอีก ผมเลยกลับ กรุงเทพ ถึงบางอ้อเลย แหม อยู่เมืองไทยไม่ เคยได้ขี่รถฮัมวี่ เล่นเลย พอไปปางซาง กลับได้ขี่ หากท่านทั้งหลาย ไม่เชื่อผม ท่านลองไปถาม นายพลผู้เฒ่า ข้างกาย ท่านนายก ดูซิว่าจริงไหม?

▬ ท่านเขียนหนังสือ เมื่อตอนวันเกิด ไว้เล่มหนึ่ง ไม่รู้ท่านได้เขียน เรื่องพวกนี้ ไว้ด้วยหรือป่าว? ผมยังไม่ได้อ่านเลยกลับไป จะไปขอท่าน สักเล่มหนึ่ง ผมไม่ขออธิบาย นะครับว่า คนพวกนั้นเป็นใคร และรถฮัมวี่ เป็นรถอะไร เพราะผมต้องกลับไป ที่พม่าอีก ที่แรกผมว่า จะไม่เอยถึงแล้ว แต่ก็อยากจะ รีบเล่าเรื่อง ของพม่าให้จบเร็วๆเลยต้องรีบสรุปก่อน อาจจะไม่สนุก แต่ก็ตื่นเต้นนิดหน่อย ก็ถือว่าพอ ใช้ได้นะครับ และก็เพราะว่าพวกหิน พวกเพชรพลอย ต่างๆ ที่เขาขายกันอยู่ นั้นมัน ก็มาจากกลุ่มคน พวกนี้ทั้งนั้นแหละครับ แต่ผมยังไม่ อยากบอกอะไรตอนนี้ เอาไว้ให้ถึงเวลา ก่อนนะ ครับ อ้าวผมเผลอ เล่าเรื่องอะไร ไปอีกแล้วเนี่ย?

▬ อ้าวท่านกาย สีเหลืองมาพอดี อย่างนั้น ท่านช่วยผมดูหน่อยนะครับว่า ผมเขียน เล่าไปถูก หรือผิดครับ? และผม ไปด่าว่าใคร เขาอีกหรือป่าว ? เธอไม่ผิดหรอก เพราะผู้มีคุณ ต่อแผ่นดินเขา จะดูที่เจตนาของเธอ เธอเขียนต่อ ไปเถิดฉันจะ คอยตรวจสอบให้ แล้วผู้คนทั้งหลายเขา จะไม่ว่าเอา หรือ? เพราะเว็บไซต์นี้ เขาขายหิน และอัญมณี แต่ผมเอาเรื่องอะไร ไปเล่าให้พวกเขา ฟังก็ไม่รู้ ? ผมถาม ไม่หรอก ก็เพราะหินและอัญมณีนั้น มีอาถรรพณ์ และความมหัศจรรย์ มากว่านี้อีก สามารถบอก เรื่องราว ที่ผู้คนไม่เคยได้รู้ให้ได้รู้ เธอจงทำความมหัศจรรย์ และ อาถรรพณ์ ของรัตน์ชาติ ให้แจ้ง ต่อไปเถิด เธออย่าลืมซิ สรรพสิ่งในโลกนี้ก็ มาจากของ พวกนี้ทั้งนั้น มีจุดกำ เนิด มาจากที่เดียวกัน แต่ต่างสถานภาพกัน แค่นั้นเอง ขอบคุณครับ

▬ อย่างนั้นผมเล่าเรื่องพม่า ต่อดีกว่าครับ เล่าซิฉัน รอฟังเธอเล่า อยู่นานแล้ว เย็นวันนั้นเมื่อทานอาหาร เย็นเสร็จแล้ว ผมก็ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำนอนเลย เพราะรู้สึกตัวว่าไปเที่ยวมา เมื่อตอนกลางวันนี้เพลียมาก ผมหลับไปเมื่อใด ก็ไม่ทราบ มีคนมาเคาะประตูห้องอีก ผมเปิดประตูห้อง ออกไปดู ลูกสาวเจ้าของ โรงแรมทั้งสอง ก็มาหาผมอีก บอกว่ามีคนอยากจะพบ และเดินจูงมือผมไปอีก เมื่อผมก้าวพ้นประตูห้อง ก็มาถึง ณ สถานที่แห่งหนึ่ง มีผู้คนมากมายทุกคนจ้องมองมาที่ผม มีหญิงสาว คนหนึ่งแต่งตัวด้วย ชุดไทยโบราณ ประดับด้วยอัญมณี ล้ำค่านานาชนิด มายืนอยู่ข้างผม ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ผมหันไปมองดู เธอ ๆ คือหญิงสาวเมื่อคืนนี้เอง และตอนนี้ลูกสาวเจ้าของโรงแรมก็หายไปอีกแล้ว เธอ พูดขึ้นมาว่า ไม่ต้องมองหาพวกเขาหรอก พวกเรารอเธอ อยู่ที่นี่นานแล้ว รอเธอมารับกลับ เมืองสยาม ผม ถามว่า เธอคือใครกันแน่หรือ? แล้วทำไมมารอผมอยู่ที่นี่ ? เธอตอบว่าต่อไปภายหน้า เธอจะทราบเรื่อง ราว ของพวกเรา จากพระรูปหนึ่ง แต่ตอนนี้ขอให้เธอ ช่วยพวกเราก่อน ผมถามว่า ให้ช่วยอะไรหรือ ?

▬ เธอพูดต่อไปว่า เธอมาดูอะไรทางนี้ซิ ผมมองไปตามที่ เธอชี้มือให้ดู มีช้างยืนอยู่สี่เชือก มีเชือกหนึ่งตัว เล็ก สีชมพูมีงาเดียว เธอพูดต่อไปว่านี่คือช้างเผือก ที่พระเจ้าบุเรงนอง เอามาจากเมือง สยาม ช้างเผือกสาม เชือกใหญ่นั้น ไม่ยอมให้คนพม่าเข้าใกล้ ไม่ยอมให้ พระเจ้าบุเรงนองขี่ เลย ถูกพระเจ้าบุเรงนอง ให้ควาญ ช้าง พม่าทรมาน ได้รับความ เจ็บปวดแสนสาหัส และฆ่าตัวเองตาย โดยการวิ่งเอางาไปชนกับต้นไม้ งาหักและ ตายไปทั้งสามเชือก ในเวลาไล่เรี่ยกัน เมื่อเธอพูดจบ ผมก็มองเห็นช้างเผือก ทั้งสามเชือกเอางาชนกับต้น ไม้ใหญ่ ที่ล่ามเชือก และโซ่ของตัวเอง ไว้นั่นเอง งาหักคาอยู่กับตันไม้แหลกละเอียด ช้างทั้งสามเชือก ล้ม ลงร้องด้วยความเจ็บปวด และค่อย ๆ หันมามอง ผมน้ำตาไหลพราก ชูงวงขึ้นมา ผมเอามือประคอง งวงช้าง ทั้งสามไว้ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้ เสียงของเธอพูดต่อไปว่า ช้างทั้งสี่เชือกนี้ เป็นช้างเผือก คู่บารมี ของพระ มหากษัตริย์สยาม เป็นช้าง วรรณะ กษัตริย์ตระกูล อิศวรพงค์ ( พระองค์บอกชื่อของช้าง ทั้งสี่เชือกกับผม แต่ผมจำไม่ได้แล้วครับ ขอโทษด้วย) ทั้งสามเชือก ส่วนช้างเชือกเล็กสีชมพูงา เดี๋ยวนี้ เป็นช้างเผือกตระกูล พรหมพงค์ วรรณะ พราหมณ์ ได้ฆ่าตัวตาย โดยการหักงาของตัวเอง แล้วเอางา มาไว้กับเรา เมื่อสิ้นเสียงเธอก็ ส่งงาช้าง สีชมพู ดอกจำปา มาให้ผม งายาวประมาณหนึ่งฟุตใหญ่ ขนาดเท่ากำมือ ในขณะนั้นเองช้างเชือก น้อยตัวนั้นก็มายืน อยู่ข้างๆ ผม แล้วค่อย ๆ ล้มลงมีเลือดไหล เต็มไปทั้งตัวเอางวงมา เกี่ยวมือผม ไว้ตั้งแต่เมื่อไร ไม่รู้ได้ ดวงตาทั้งสอง มีน้ำตาไหล อาบแก้ม มองมาที่ผมและค่อยๆ หรี่ตาหลับ และล้มลงอยู่ตรงหน้าผม

▬ เสียงเธอ พูดต่อไปว่า ช้างทั้งสี่เชือก ไม่ยอมให้พม่า แตะต้องตัว และไม่ฟังภาษาพม่า และไม่ยอม กิน อะไร ที่พม่าเอาไปให้ แต่เมื่อควาญช้าง ที่เป็นคนไทย มาหากลับ ยอมกินอาหารและน้ำ ที่ควาญช้าง คนไทยให้ ทำ ให้พระเจ้าบุเรงนองกริ้วจัด สั่งประหารควาญช้างไทย ต่อหน้าช้างทั้งสี่เชือก เมื่อเธอพูดจบ ผมก็เห็นชายสี่ คนถูกฟันหัวกระเด็น ต่อหน้าช้างทั้งสี่เชือก เสียงเธอพูดต่อไปว่า ช้างเผือก ทั้งสี่รู้ว่าพระเจ้าบุเรงนองเป็น มอญ ผสมฝรั่งไม่มี เชื้อชาติกษัตริย์อยู่เลย และแถมยังถูก เธอโดด ถีบหน้าให้อีก เลยไม่ยอมให้พระเจ้าบุเรง นองแตะต้องตัว ยอมตายเสียดีกว่า ที่จะเสียกำเนิด ช้างคู่บรมีของกษัตริย์สยาม จึงได้เป็นอย่างที่เธอเห็น

ขอเทิดเกียรติ์ไอยราจากตัวข้าคนหาพลอย
แม้เป็นคชสารใช่เดรัจฉานสัตว์ เอราวัณเทวบุตรจุติอิศวรพงค์กูร
จำรูญองค์ทรงคงคู่กษัตริย์ตรา สู่ อโยธยาแดนดินถิ่นนารายณ์
อีกเชือกพรหมพงค์ผุดผ่องเผือก พระพรหมเสกสรรวรรณะพราหมรณ์
สีจำปางาเดี่ยวมิ่งมงคลเมือง เทิดลักษณ์องค์ทรงบารมีศรีสยาม
ยามจากเจ้าธานีเก่าเคร้าอาดูร ถูกตรึงตรวนเฆี่ยนตีทุกค่ำเช้า
ทั้งของ้าวสัปโขกแล้วทาเกลือ เยี่ยงคนป่าโจรเถื่อนมิรู้กรรม
อันพระยาคชสารฮึกหารนัก อวตาลสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ถูกมนุษย์ป่าฉุดคร่ามาราวี ไม่ครั้นคร้ามยำเกรงแถมเกรี้ยวกราด
น้ำใจเดียวเด็จเดี่ยวดั่งเขี้ยวงา มิใช่นายอย่าหมายแม้นเมียงมอง
จะมายึดเอาเข้าคู่รามัญมอญ เห็นแค่กุญชรหรือจึงหยามกัน
อีกทั้งควาญเก่าเพื่อนคู่ผู้รู้ใจ มาเขี้ยวเข็นค้ำขู่บั่นคอต่อหน้าได้
นี่หรือกษัตริย์ตรารามัญมอญ บารมีเจ้าแค้อาชาก็หาไม่
กระทืบเท้าเป่าร้องก้องปฐพี ก้มคอย่อเข่างอกายทวายชีวี
พฤษาใหญ่ด้านหน้าขอฝากงา แล้วเผ่นโผนพรุ่งพรวดทั้งสามเชือก
แหลกละเอียดสามคู่งางามงอน ทรุดกายอัสสุชลปนโลหิตนอง
แดงดาดเดือดท่วมทั่วหงสาวดี สิ้นชีวิตมิสิ้นชื่อไอยราคชาชร
พรหมพงค์งาเดี่ยวเหลียวแลเห็น แสนรันทดอดสูสู่ดาวดึงส์คลอน
คุกเข่าเฝ้าหน้าเทพธิดากัลยาสยาม ชูงวงกู่สู่สวรรค์สุดชั้นฟ้า
แล้วย่อก้าวง้าวข้อไม่รอรี อัศจรรย์พันลึกเหลือกำหนด
เอางวงเกี่ยวหักเปราะเราะงาตัว ทรุดกายลงล้มยื่นงวงทวายงา
อิทธิฤทธิ์เพื่อนฤมลผู้ทรงศักดิ์ สามเชือกอิศวรพงค์องค์อินศวร
อีกหนึ่งหน่อเนื้อเชื้อพราหมรณ์พงค์ ทำพลีกรรมเพื่อจ้าวเผ่านารายณ์
รักษาเกียรติ์รักษาชื่อเลื่องลือชัย วิญญาณกราบบอกฝากพระแม่ธรณี
สาปไว้ให้สิ้นองค์วงษ์รามัญโจร มิพบพานแม้ชื่อหรือแดนดิน เอย.
เทิดเกียรติ์ไอยรา จาก คนหาพลอย 9/9/04 (ณ คองโก)

▬ เธอกล่าวต่อไปว่า เมื่อช้างเผือก ทั้งสี่ เชือกตายลง พระเจ้าบุเรงนอง รู้ตัวว่าถูกช้างเผือก ตั้งสี่เชือกสาป เลยให้หมอผีกัก วิญญาณช้าง ทั้งสี่เชือก ไว้ที่สุสาน ช้างหลวง และต่อมา พระเจ้า บุเรงนอง อำนาจ ก็เสื่อมลง และถูกลูกของตัวเอง ฆ่าตาย ส่วนตัวเธอ และคนไทย อีกจำนวนหนึ่ง ก็ถูกฆ่าตาย ในเวลาต่อมาวิญญาณของเธอ และคนไทยเหล่านั้น ถูกทรมานอยู่ในที่แห่งหนึ่ง แต่ได้รับการ ปลอดปล่อย จากพระรูปหนึ่ง แต่ช้าง ทั้งสี่เชือกนี้ วิญญาณยังไม่ได้รับ การปลดปล่อย ให้เป็นอิสระ ที่สุสานช้างหลวง มีคนขุดเอางา ของช้างทั้งสี่ไปก่อนที่พระรูปนั้นจะมา ต่อไป ภายหน้า เธอจะพบ งาช้าง ทั้งสี่ ที่หายไปขอให้เธอ ช่วยนำกลับไป เมืองไทยด้วย ผมถามเธอว่า แล้วผมจะพบงา ช้างทั้งสี่ ได้อย่างไร? เธอตอบว่า ต่อไปเธอจะพบได้เอง และมีของอยู่ อีกสี่อย่าง ที่เธอต้องนำกลับ ไปเมือง ไทย ให้ได้ ผมถามว่ามีอะไรบ้างหรือ? เธอตอบว่ามี. (ผมขอปิดไว้เป็น ความลับ ไม่สามารถ บอกท่านทั้ง หลาย ได้ครับ แต่ผมเอาไปไว้ ให้ท่านได้แล้วสองอย่าง) และต่อไปภายหน้าเธอ จะพบได้เอง

▬ ผมถามว่าทำไม ต้องเอา ของทั้งสี่อย่างนั้น กลับไปเมืองไทยด้วยละ ? เธอไม่ตอบแต่ชี้มือให้ผมดู และพูดขึ้นว่า ตอนพระผู้ทรงศีลรูปนั้น มาไม่สามารถเอา ของทั้งสี่อย่างนี้ไปได้ เพราะเป็นผู้ทรงศีล แต่หากไม่ นำกลับไปเมืองไทย พม่าก็ยังต้อง คำสาปอยู่ ขณะนั้น ผมเห็นผู้คนมากมาย ถูกไฟ กำลังเผา ทั้งเป็น บางคนไฟ ลุกท่วมตัว นอนดิ้นทุลนทุลาย ร้องโหยหวน บางคนกำลัง ถูกใครสักคนเอาไม้ มาเสียบย่าง อยู่บนเตาไฟเหมือน ย่างปลา ร้องครวญคราง ผมหลับตาลง ไม่สามารถมองดูได้ เสียงเธอเอ่ยขึ้นมาอีกว่า ครั้งนั้น ตอนที่เกิดสงคราม คนพวกนี้ เอาไฟเผา วัดวาอารามไว้มาก พม่าถูกคนไทย สาปแช่งถึงสองครั้ง ๆละเจ็ดชั่วโครต ๆหนึ่งมีอายุร้อย ปี เราไม่อยากจองเวร ซึ้งกันและกันอีก ดังนั้นเมื่อเธอ เอาของทั้งสี่อย่างกลับไปถึงเมืองไทยแล้ว พม่าก็จะพ้น คำสาปนั้น เมื่อเธอพูดจบ หูผมก็ได้ยินผู้คนมากมาย ร้องโหยหวน ให้ผมช่วย ว่าช่วยด้วยๆๆๆๆๆ เข็ดแล้วไม่ทำ อีกแล้ว ผมถามเธอว่า แล้วตอนนี้กี่ปีแล้ว? เธอตอบว่าใกล้ จะถึงเจ็ดร้อยปีแรก ของคำสาปครั้งแรกแล้ว (และเธอ ได้พูด บอกผมต่อไปอีก หลายเรื่อง แต่ผมไม่สามารถ นำมาเล่าบอกท่าน ในเวลานี้ได้ครับ ผมยังเหลือ ของอีกสอง อย่างที่ต้องไป นำกลับเมืองไทย)

▬ เธอพูดต่อไปอีกว่า เมื่อเธอกลับไปถึงเมืองไทย แล้วเธอจงไปหาพระรูปนั้น และ ท่านจะบอกเองว่า เธอต้องทำอะไรบ้าง ผมถามต่ออีกว่าแล้ว จะให้ทำอะไรบ้าง? มีเสียงตอบ จากเธออีกว่า ตื่นเถิด แล้วจะพบ ของอย่างแรก ผมรู้สึกตัวตื้นขึ้นมา รีบดูนาฬิกา ตีห้าครึ่งแล้ว ผมอาบน้ำแต่งตัว และเก็บของเสร็จ ก็หกโมงเช้าพอดี ผมลง ไปรอพวกญี่ปุ่น และพม่าอยู่ที่ห้องอาหาร เมื่อผมไปถึง ห้องอาหาร ก็พบคุณลุง คนทำสวน มานั่งรอผมอยู่แล้ว เราทักทายกันเสร็จ ผมถามว่ามีอะไรหรือป่าว แกไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มแต่ส่งห่อผ้า ให้ผมห่อหนึ่ง และเรียกลูก สาว เจ้าของโรงแรมมาหา และพูด อะไรกัน ไม่ทราบได้ ผมรีบเปิดดูทันที(ต้องขอโทษท่าน ทั้งหลาย ด้วยผมบอก ไม่ได้จริง ๆ ว่าเป็น อะไร) เมื่อผมเห็นของแล้ว ผมก็รีบเก็บ และห่อกลับทันที คุณลุงให้ลูกสาวเจ้าของโรงแรม แปล และบอกให้ผมฟังว่า ตอนที่ พระไทย และพม่าไปขุด เอากระดูกนั้น มาขุดกัน ถึงสองครั้ง ห่างกัน เกือบสิบ ปี แกกับเพื่อนของแก อีกคนหนึ่งเป็นคนรับจ้างขุดให้ ทั้งสองครั้ง และเพื่อนของแกได้ เก็บของชิ้นนี้ไว้ โดยไม่มี ใครเห็น หลังจากนั้นต่อมา อยู่ ๆ เพื่อนแก ก็เอาของชิ้นนี้มาให้ โดยไม่ทราบสาเหตุ และแกก็ได้เก็บ ของชิ้นนี้ ไว้จน ตัวแกเองก็ลืม และเมื่อเห็นผม เมื่อวานนี้แก ก็นึกขึ้นมาได้และนำมาให้ผม ผมบอกแกไปว่า ผมจะจัดการให้ เมื่อผมกลับไป ถึงเมืองไทย ผมรีบเก็บของ และนั่งคุยอยู่ กับแกอีกสักครู่หนึ่ง แกก็ขอตัวกลับ

▬ สักครู่ต่อมา พวกญี่ปุ่น และพม่าก็ลงมา พวกเราทานอาหารเช้ากันเสร็จ และนั่งรอรถที่มาเปลี่ยน ให้มาถึง ก็ออกเดินทางกันต่อ และสำรวจไปทุกสถานี ตลอดทางจนถึงเมืองมันดาเล โดยใช้เวลาอีก สองวัน และ ได้มาพักกัน ที่เมืองมันดาเล (คือเมือง อังวะในสมัยก่อนนี้) ที่นี่ชุมสายโทรศัพท์ อยู่ติดกับพระราชวัง โบราณเก่า ของกษัตริย์พม่า องค์สุดท้าย และกษัตริย์พม่าที่ชื่อ อลองพยา (ภาษาพม่าก็ออกเสียง เหมือนภาษาไทย คือ อะลองพะยาเหมือนกัน) อะลองยะยาองค์นี้แหละ ที่ไปเผาอยุธยา ของเราไว้ ตอนสงคราม เสียกรุงครั้งที่สอง โรงแรมที่พัก ของพวกเราก็อยู่ติดกับ พระราชวังเก่านี้ เหมือนกันครับ พวกเราใช้เวลาสำรวจสถานี ในเมือง มันดาเลอยู่หกวัน จึงแล้วเสร็จ เมื่องานเสร็จ พวกพม่าก็พาเราเข้าไป เที่ยวกันภายในพระราชวังเก่า ผมเล่าแค่นี้ก่อนนะครับ เอาไว้ต่อตอนหน้า

▬ บทกวีเทิดเกียรติ์ไอยรา ของผมเป็นอย่างไรบ้างครับ ? ผมถาม ท่าน กายสีเหลือง เอ่ยขึ้นมาว่า ดีแล้วที่เธอใช้ คำสุภาพธรรมดา ที่คนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจได้ หากให้ต้องตาม ตำรา บทกวี อย่างในสมัยก่อนนั้น จะมีคนไม่กี่คน ที่เข้าใจได้ เพราะคำเหล่านั้น เป็นศัพท์ชั้นสูง ยากที่คนทั่วไป จะเข้าใจ แต่หากไม่นำมา ผสมลงไปบ้าง ก็จะเป็นการ ไม่ให้เกียรติ์ผู้อ่านบางท่าน ที่ชอบศัพท์ชั้นสูง เหล่านั้น แล้วท่วงทำนอง และถ้อยคำละครับ ผมไปลบหลู่ดูหมิ่น บรรพบุรุษเขาหรือป่าว? ไม่หรอก ก็เพราะเธอ ต้องการ ถอนคำสาป ให้กับพวกเขา ตามที่เทพธิดา กัลยาสยาม ขอร้องเธอไว้ไม่ใช้หรือ หากไม่ถอด ยศปลอดตำแหน่ง จะถอนคำสาป และเทิดเกียรติ์ไอยรา ได้อย่างไร ท่านตอบ แล้วจะไม่เป็นการ ทำให้เทพธิดา กัลยาสยามของผม เสื่อมเสียเกียรติ หรือที่ต้องไปอยู่ ในหมู่โจรคนป่าพวกนั้น ? ผมถาม ไม่หรอกเทพธิดา กัลยาสยาม ท่านเสียสละ ได้แม้เลือดเนื้อ ของพระองค์ท่าน เพื่อบ้านเมือง แถมยังเสียสละเวลา รอเธอ กลับมาเกิดใหม่ เพื่อถอนคำสาปให้ กับพวกคนบาปอีก นี่เป็นพระองค์ดลใจ เธอให้แต่งบทกวี ออกมาตามนั้นต่างหาก หาไม่แล้ว ก็จะถอนคำสาป ไม่ได้ เพราะบาปกรรม ที่คนพวกนั้นทำไว้ หนักหนาสาหัสมาก และช้างเผือก ก็ยังเป็นช้างของสวรรค์ เอราวัณ เทวบุตรอีก ดินแดนสยาม ก็ยังเป็นดินแดน ของพระนารายณ์ อวตาลกษัตริย์อีก ตัวเทพธิดาเอง ก็ยังเป็นลูกของ กษัตริย์นารายณ์อีก เทพธิดากัลยาสยาม ช่างมีน้ำใจงาม อะไรเช่นนี้ กุลศลนี้จะทำให้พระองค์ เข้าสู่พระนิพพาน ตามองค์ สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไป ไม่ต้องกลับมา เวียนว่ายตายเกิดอีก เธออย่าวิตก หรือเป็นห่วงเลย

▬ แม้ ผู้คนส่วนมาก จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่นรกสวรรค์ เข้าใจ ใยต้องเกรงกลัวอะไร ขอบคุณครับ ที่ทำให้แจ้ง ผมกล่าว ขอบคุณท่าน นี่แหนะเธอดูทางนี้ซิ ผมหันไปมอง ตามที่ท่านบอก และบัดนี้ผม ได้มายืน อยู่ในที่แห่งหนึ่งแล้ว ด้านหน้าผม เต็มไปด้วยดอกไม้ นานาพันธุ์ หลากหลาย สีสรร แต่ละดอกแย้มบาน ส่งกลิ่นหอมชื่นใจ จริง ๆ ผมหันไปทางซ้าย เห็นผลไม้ นานาชนิด หลายสี อยู่ตามต้น กำลักสุกสวยน่ากินไปหมด ผมนึกในใจ แต่เหมือน ผมได้กิน ผลไม้พวกนั้น ไปแล้ว เหมือนผลไม้ เหล่านั้น กำลังยิ้มให้ผมกำลังเชิญชวน ให้ผมกิน มีเสียงผู้หญิงคน หนึ่งร้องว่า หันมาทางนี้ซิ ผมหันไปทางขาว ตามเสียงนั้น มีต้นไม้นานาชนิด มีแต่ลำต้น กับใบ มองไม่เห็นโคน ต้น บางต้นมี ใบสีเขียว บางต้นมีใบสีทอง บางต้นมีใบสีเงิน บางต้นมีใบสีแดง บางต้นมีใบสีชมพู และบางต้นมี ใบ ถึงเจ็ดสี ใบและต้นไม่เล็ก ไม่ใหญ่ แต่เป็นรูปร่าง ต่างๆ สวยงาม ตามแต่ใจนึก อะไรกันนี่ผมนึกในใจ มีเสียง ผู้หญิงแว่วหวาน เอ่ยขึ้นมาอีกว่า หันมาทางนี้ซิ

▬ ผมหันไปด้านหลัง ตามเสียงนั้น ผมมองเห็นเหมือนภูเขา ใหญ่สูง ยาวสีขาวนวล มีหมอกสีขาว บางๆ ปกคลุมอยู่ และค่อยๆ ปรากฏเป็นรูปช้าง ตัวใหญ่สีขาวขึ้น อย่าง ช้าๆ และชัดเจน ขึ้นเรื่อยๆ มายืนอยู่ตรงหน้าผม สายตามอง มาที่ผม ส่ายหัวเล็กน้อย อย่างดีใจ มีงาขาวนวล อมชมพู นับไม่ถ้วน แถมปรากฏหัว พร้อมงาอีกหลายหัว มีแก้วสีใสแวววับ ส่องแสง ระยิบระยับ ดูลานตา ทั่ว มีเครื่องประดับ ประดา เต็มตัว นับไม่ถ้วน และมีเทพธิดาสาว น้อยๆ กำลังลอย ออกมา จากงาช้าง นั้นทีละ องค์ที่ละองค์ ชั่วพริบตาเดียว พวกเธอก็มายืนอยู่ ตรงหน้าผมแล้ว มีถึงเจ็ดคน แต่ละคนแต่งตัว ด้วยผ้าแพร พรรณดอกไม้ หลายชนิด สีอ่อนหวาน คนละสี มีทั้งสีขาว ชมพู เขียวอ่อน เหลือง แดง ม่วง ส้ม บนศรีษะ มีมงกุฎดอกไม้ สลับสีสวยงาม ผิวพรรณ ของพวกเธอ ขาวอมชมพูดั่งกลีบกุหลาบ หน้าตาสวย ดุจเทพนิยาย ที่พรรณนา บรรยาย ความสวยของเทพธิดา ทั้งหลาย เอาไว้ก็ไม่ปาน มีทั้งอัญมณี และใข่มุก ประดับอยู่ทั่วกาย พวกเธอยิ้มให้ผม ในมือของพวกเธอ ถือถาดพานทอง เงิน อยู่คนละใบ ใส่แก้วอัญมณี หลากหลายสีสดใส อัญมณี แต่ละเม็ดใหญ่ เท่ากำปั้น ถูกเจียรไนย ส่องแสงระยิบ ระยับไปทั่วตัวผม ผมตะลึงงันไปชั่วครู่ เสียง ชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นว่า นี่เป็นของที่ดินแดน ชั้นนี้ มอบให้เธอ ผมหันไปตามเสียง ปรากฏชายผู้หนึ่ง มีผิวกายสี ขาวอม ชมพูดุจงาช้าง แต่งองค์ทรงเครื่อง และมีรัศมีสีเดียว กับผิวกาย ประดับประดา ไปด้วยอัญมณีและ ไข่มุกสีเดียว กับผิวกาย ได้มายืนอยู่ข้าง ๆผมเมื่อไร ไม่ทราบได้ บรรยากาศสดใส หอมอบอวลไปทั่ว ผมยืนตะลึงมอง ไปด้านหลังเทพธิดาทั้งเจ็ดนั้น ไม่เห็นช้างเชือกนั้นแล้ว เสียงชาย ผิวกายสีชมพู เอ่ยต่อไปว่า เธอไม่ต้อง มองหาหรอก แก้วมณีเหล่านี้ เรามอบให้เธอ แล้วชี้มือ ไปที่ถาดพานทอง และเงิน แต่ละพาน ที่เทพธิดา เหล่านั้นถืออยู่ แล้ว เอ่ยต่อไปว่า

▬ นี่คือ แก้วกัลยา แก้วเทวบุตร แก้วเอราวัณ นั่นคือ แก้วสุธัมมา แก้วสุนันทา แก้วสุชาดา แก้วสุจิตรา และเมื่อท่านเอ่ยจบ ก็หยิบแก้วมณี อีกดวงหนึ่ง ส่งให้กับผม แล้วเอ่ยพูดต่อไปว่า นี่คือ แก้วไอยรา แก้วทั้ง หมดแปดดวงนี้ เรามอบให้เธอ เพื่อตอบแทนเธอ ที่ได้ถอนสำสาป และเทิดเกียรติ์ไอยรา ให้กับดินแดนแห่ง นี้ มิให้มัวหมอง เพราะคนบาป เมื่อเธอกลับไป ถึงบ้านแล้ว เธอจะพบแก้วมณ ีทั้งหมดนี้ อยู่ที่บ้านเธอ ส่วน แก้วมณีไอยรานี้ มีสองดวง ดวงหนึ่งให้เธอ เก็บไว้ อีกดวงหนึ่ง ขอให้เธอนำไปมอบให้ กับผู้ที่มีบุญเหล่านั้น ผมถามว่าใครหรือ ? ท่านตอบว่า ก็ผู้ที่คอยให้กำลังใจเธอ เวลาที่เธอเขียนเล่าเรื่องราวไป ให้เขาอ่านกัน อย่างไรละ พวกเขาคอยให้กำลังใจเธอ อยู่มิใช่หรือ หรือเธอไม่อยากนำของจากดินแดนนี้ ไปให้เขาชื่นชมกัน บ้างหรือ ? ผมรีบตอบ ผมจะทำตามครับ ดีแล้ว

▬ ข้อที่หนึ่ง เมื่อได้รับแก้วมณีไอยราแล้ว ต้อง เก็บกวาดบ้านเรือนให้สะอาด จัดวางสิ่ง ของให้ดูเรียบร้อย
ข้อที่สอง นำกล่องแก้ว หรือครอบแก้ว ใส้แก้วมณีไอยรา ทั้งโชว์ไว้ในที่อันควร ในห้องรับแขกในบ้าน หรือหน้าพระบูชาในห้องพระ
ข้อที่สาม ห้ามคนในบ้าน พูดจาหยาบคาย หรือทะเลาะกัน ห้ามนินทากล่าวร้ายผู้อื่น ในบริเวณบ้าน ข้อที่สี่ ต้องประพฤติตัวเป็นคนดี ไม่เอาเปรียบผู้อื่นและสังคม
ข้อที่ห้า ห้ามนำพาคนไม่ดี และสิ่งอันไม่เป็นมงคล เข้ามาไว้ในบ้าน
ข้อที่หก นำกล่องแก้วใส หรือโหลแก้วใส ใส่เศษเงิน ที่เหลือใช้ ตั้งคู่ไว้กับแก้วมณีไอยรา ให้เศษเงินเต็มอยู่ .ตลอดเวลา หากมีเหตุจำเป็น จะต้องนำเศษเงินนั้น ไปใช้ต้องขอยืมจากแก้วมณี และจะต้องยอมรับว่าจะ หามาคืนใส่ไว้ให้ เต็มเช่นเดิม และเมื่อเงินเต็มล้น ใส่ลงไปไม่ได้ให้นำเงินนั้น ไปฝากธนาคารเก็บไว้
ข้อที่เจ็ด เนื่องจากแก้วมณี ใสบริสุทธิ์แ ละมีขนาดใหญ่สี และแสงสวยงาม หาได้ยากยิ่งในโลกมนุษย์ ผู้ที่ ได้ไปต้องทำบุญ ใส่บาตร อุทิศส่วนกุศลให้กับ แก้วมณีและพระมหากษัตริยาธิราช เจ้าทุกพระองค์ .ทั้งพระสยามเทวา และพระสยามเทวี และเอราวัณเทวบุตร และบรรพบุรุษสยาม และพม่า ลาว เขมร ญวน .เพื่อมิให้สยาม และพม่ารามัญ และประเทศเหล่านั้น มีเวรซึ่งกัน และกัน การทำบุญตามกำลัง ห้ามกำหนด .หากเป็นบุคคล ในศาสนาอื่น ให้ทำบุญ ตามความเชื่อ ของศาสนานั้นๆ
ข้อที่แปด หากผู้ที่ได้ไป ประพฤติตัวไม่ดี ไม่รู้คุณค่าของแก้วมณี เขาจะมีเคราะห์ร้าย ให้นำแก้วมณีไอยรา นี้ใส่พานนำไปถวายให้กับ พระแก้วมรกต และให้เขียนหนังสือบอกห้ามผู้อื่น นำออกจากอุโบสถวัดพระ แก้วเด็จขาด และต้องเขียน เล่าประวัติความเป็นมา ของแก้วมณีติดไว้ด้วย ว่าได้มาอย่างไร จากใครและมี กฏข้อห้ามอย่างไร หากไม่แล้ว อาจจะมีผู้อื่น ที่ไม่รู้นำไปจะเกิดโทษกับผู้ที่ไม่รู้นั้นอีก

▬ ข้อห้ามทั้งหมด มีแปดข้อเท่านี้แหละ หากผู้ใดทำตามได้จะบริบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง ความสุขกายและใจ ตลอดไป จะพบความมหัศจรรย์ได้ ตั้งแต่วันแรก ที่ได้รับแก้วมณีไอยรา ข้อห้ามมีแปดข้อแค่นี้ ต่อไปเธอจงดู เถิดว่า ผู้ใดมีบุญวาสนาพอ ที่จะได้เป็นเจ้าของ แก้วมณีไอยรานี้ ผู้ใดที่ได้แก้วมณีไอยราใหญ่ ขนาดนี้ถือว่าผู้นั้น มีบุญมีวาสนาแล้ว จงหมั่นทำความดีไว้เถิด แล้วจะพบสิ่ง มหัศจรรย์ขึ้นเรื่อยๆ แม้ยามต้องเคร้าหมอง แก้วมณี ก็จะยิ้มให้กับ ผู้เป็นเจ้าของ ถึงยามเจ็บไข้ จงนำมาแช่น้ำสะอาด ดื่มน้ำนั้นเถิดหนา จะพ้นภัยทั้งปวง และหาก แม้ผู้ที่แตะต้อง แก้วมณีโดยเธอ ไม่ได้ยินดี จะเกิดความวิบัติ กับคนผู้นั้นอย่างใหญ่หลวง แก้วมณีเกิดขึ้นได้ เพราะตัวเธอ ทำไมจึงเกิดขึ้นได้เพราะผมละ? ต่อไปภายหน้าจะมีอีกผู้หนึ่งบอกกับเธอ วันแรกที่แก้วมณีทั้งหมดนี้ ถึงบ้านเธอ ในดินแดนชมพูทวีป จะเกิดพบช้างเผือก ตระกูล อิศวรพงค์และ พรหมพงค์ ขึ้นมา หากใครมีไว้ในครอบครอง ต้องนำมา ถวายกษัตริย์สยามหรือหากประสงค์ จะเลี้ยงไว้ใน ดินแดนของ ตัวเอง ต้องมาขอน้ำพระพุทธมนต์ ไปประพรมให้ กับช้างเผือกทั้งสอง ตระกูลนี้จากกษัตริย์ สยาม เท่านั้น หาไม่แล้ว จะเกิดความวิบัติขึ้น ในดินแดนนั้นๆ ฮะ ฮะ ฮา ท่านกล่าวจบแล้วหัวเราะกังวาล ไปทั่วดิน แดน ฮะ ฮะ ฮะ แก้วไอยรา แก้วมณีสีไอยรา แก้วมณีไอยรา ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ๆๆๆๆ และค่อยๆ จางหายไปพร้อม กับเทพธิดาทั้งเจ็ดองค์ และแก้วมณีนั้น เมื่อสิ้นเสียงหัวเราะ

▬ ผมนึกในใจหน้าจะให้ แก้วมณีพร้อม กับเทพธิดา ทั้งเจ็ดกับผมนะ มีเสียงผู้หนึ่งพูดขึ้น ว่า ยังไม่ถึงเวลาของเธอ ฮะ ฮะ ฮะ และ ท่านกายสีม่วง ก็ปรากฏกายขึ้นมา ยิ้มให้กับผม และเอ่ยขึ้นว่า ยินดีกับเธอด้วยที่ได้แก้วมณีนั้น ครั้งก่อนๆ มา กว่าเธอจะหาแก้วมณีได้ แต่ละดวงก็แสนอยาก ครั้งนี้เธอได้มาด้วยความดีของเธอ ฉันยินดีกับเธอด้วยจริงๆ ขอบคุณครับ ผมกล่าวขอบคุณตอบ ท่านเอ่ยต่อไปว่า เธอจงเขียนบอกสมาชิกไว้เถิด ว่าตอนหน้า จะบอกความ ลับของสวรรค์ กับยารักษา โรคเอดส์ ให้ เพื่อไม่ให้ผู้ที่ เป็นโรคต้องทุกข์ทรมานอีก และไม่ต้องเสียเงิน ค่ารักษา มากมายนัก สมาชิกของเธอจะได้มีโอกาสเตรียมตัว ทำบุญร่วม กับเราอีก หากบอกตอนนี้ เดี๋ยวพวกเขา ก็ลืมและ อาจจะไม่มี เวลาเตรียมตัว ครับผมเขียนแล้ว ดีแล้ว เมื่อท่านกล่าวจบก็หายไป

▬ ถึงท่านเจ้าของเว็บหรือ StoneLover.com ขอให้ท่านช่วยหารายชื่อสมาชิก และผู้ที่เคยเข้า มาลงชื่อให้ กำลังใจ ผมไว้ในเว็บนี้ ตั้งแต่ตอนที่ ผมเริ่มเขียนตอนที่หนึ่ง ถึงตอนที่ สามสิบสอง (32)และใช้วันที่ของตอนที่ .32.นั้นในวันที่ลงบทความเป็นวันสิ้นสุด ของผู้ที่เข้ามาลงชื่อ ให้กำลังใจกับผม และช่วยหาสมาชิกที่สมัครใจจะปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งแปดข้อนั้น หากมีมากกว่า หนึ่งคนให้ช่วย จับฉลากให้ด้วยครับ และขอให้พนักงาน ของทางเว็บไซค์ Stonelover.com สละสิทธิ์ให้กับ ผู้อ่านที่เคยเข้ามาให้กำลังใจ ผมก่อนนะครับ หากได้ รายชื่อผู้โชคดีแล้ว ช่วยขอที่อยู่ ชื่อจริงนามสกุลจริง ของท่านผู้นั้นเอาไว้ด้วยครับ แล้วส่ง e-mail มาให้ผมๆ จะเตรียมเมล์ไว้รับให้ แล้วเมื่อผมกลับถึง เมืองไทยผมจะส่ง แก้วมณีไอยราไปให้ท่านผู่นั้น ด้วยตัวเองเลยครับ รออีกเดือนกว่า ๆ นะครับผม กำลังเร่งทำงานให้เสร็จทัน ตามวีซ่าครับหากไม่ทัน อย่างไร ผมจะแจ้งให้ทราบล่วง หนัาครับ

▬ ถึงท่านผู้ที่โชคดี เมื่อท่านเป็นผู้โชคดีแล้ว ขอให้ท่านทำตามกฏข้อบังคับ ทั้งแปดข้อนั้นด้วย แต่ข้อที่เจ็ดนั้น ท่านไม่จำเป็น ต้องทำทุกวัน ท่านทำเมื่อ ท่านมีโอกาสที่ควร จะทำก็พอ แต่ห้ามลืมทำเด็ดขาด แก้วมณีสีสวยและ บริสุทธิ์ไร้ซึ่ง ตำหนิและใหญ่ ขนาดเกินร้อยกะรัตนั้น ท่านแทบจะหาไม่ได้อีกแล้ว และผมขอเตือนท่าน ด้วยตัว ผมเองว่า หากท่านดูอัญมณีไม่เป็น ท่านควรนำไปให้ ที่สถาบันอัญมณีแห่งชาติ ตรวจสอบ ให้ท่านว่าเป็นอัญมณี อะไรแท้หรือเทียม สีเป็นธรรมชาติหรือ เผา หรือ ฉายแสง ท่านจะได้ มีความภูมิใจ และเก็บรักษา บูชาได้ตลอด ชั่วลูกหลานของท่าน ๆ อย่าขี้เหนียว กับค่าตรวจสอบอัญมณี เลยนะครับมันจะทำให้ท่าน มีความรู้เพิ่มขึ้นอีก บางคน ผมเห็นมีอัญมณีมากมาย แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรบ้าง พอบอกให้ไปตรวจ ก็ไม่อยากจะเสียค่าตรวจ เลยทำ ให้ไม่รู้คุณค่า ของรัตน์ชาติเลย วางทิ้งส่ง และกลายเป็น ผลร้ายไม่รู้ตัวไปเลย นำไปตรวจเถิดครับ หากไม่รู้ที่ศูนย์ อัญมณีแห่งชาติ นั่นแหละดีครับ หรือที่ ม.ศ.ว.ก็ได้ ถือเป็นการให้พวกนักศึกษา เขามีกำลังใจ ทำงานไปด้วย มีความรู้กับอัญมณี ชนิดใหม่ ๆไปด้วย และมีรายได้ มีค่าขนมกินเล็กๆ น้อยๆไม่เป็นไรหรอกครับ ตัวผมเอง อัญมณีบางอย่าง ที่ผมไม่รู้ ผมก็เอาไปตรวจที่นั่น แหละครับ ถึงจะแพงกว่าของเอกชน หรือตามร้าน ผมก็ไม่ ได้สนใจ อะไรมากนัก ที่แล้วมา ผมก็เขียนว่าไป อย่างนั้น แหละครับใจจริง ผมไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่ เผื่อเขา มีทางทำให้มัน ถูกลงอีกสักหน่อย ทีนี้ผมจะได้ไป เอาอัญมณี ของพระอินทร์ ไปให้ตรวจบ้าง เห็นท่านทำท่า จะ ให้ผมอยู่ ฮิ ฮิ อ่านเป็นเรื่องสนุกไป ก็แล้วกันนะ จ๊ะน้องๆ ห้องแลปสวยๆทั้งนั้น ไม่รู้มีแฟนกันหมด หรือยัง ว่าจะพาไป เป็นเทพธิดา ของคนหาพลอยสักกะคน ไม่รู้หนุ่มๆจะหวงป่าว ? ล้อเล่นนะ อย่าโกรธกันหนา เอ้าวว ว่าเข้าไป เดี๋ยว ก็ไม่มีใครมาลงชื่อ ให้กำลังใจในเว็บอีก (โดนท่านกายสีเหลืองดุเข้าให้แล้ว )

▬ ตามตำรารัตน์ชาตินั้น ผู้ที่มีแก้วมณีใหญ่ ขนาดนี้ สวยบริสุทธิ์ขนาดนี้ต้องหมั่นทำกรรมดี ไว้เสมอครับ ตาม ประวัติในสมัย พระพุทธองค์เศรษฐี บางคน ถึงกับต้องทำบุญ บ้านกันเลยทีเดียว นะครับ และท่านไม่ต้องใช้ชื่อ จริงหรือที่อยู่จริง ของท่านส่งมาให้ผมก็ได้ แต่ท่านต้องคิดมาเองว่า จะให้ผมส่งให้อย่างไร เพราะผมเองก็ยัง ไม่พร้อม ที่จะไปรู้จักกับใคร และป้องกันผู้ที่ไม่หวังดี ทั้งหลาย รู้ที่อยู่ของท่านด้วยครับ ส่วนผมนั้นท่าน ไม่ต้องห่วงผม หรอกครับ จะไม่มีใครรู้ที่อยู่ ผมหรอกครับ ว่าาา มึนแล้วครับ ไปหาเบียร์กินสัก กระป๋องดี กว่าครับ หวังว่าคงจะมีคนอ่านจบนะครับ อย่าคิดอะไรมากนะครับ ถือว่าผมเล่านิทานให้ฟัง ก็ได้ครับ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ๆๆ หัวเราะมั่งดิ (จะขายเว็บ ก็บอกกันบ้างนะ ผมจะได้หยุดเล่า เพราะเห็นมีเจ้ามารร้ายมาด้อม ๆ มอง ๆ แหย่ ๆ ท่านอยู่บ่อยๆนะ) ขอบคุณครับ คนหาพลอย 9/9/04

จาก Web board 'คุยเฟื่อง เรื่องหิน' กระทู้ที่ 1733