อาถรรพ์ของพลอย ภาค 26

เล่าเรื่องโดย ... คนหาพลอย

▬ สวัสดีครับ ตอนที่แล้วผมบอกท่านว่า มีเรื่องสำคัญจะเล่าให้ท่านฟังอีก สามเรื่องจำได้ไหมครับ ? และตอนที่แล้ว ผมบอกชื่อเมืองหลวง เป็นภาษาพื้นเมือง ท่านอาจจะงง ชื่อเมืองหลวงจริง ๆ คือ Brazzaville หรือ อ่านว่า บราซซาวิล อ่านยาก ผมเลยเรียกตามคนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งครับ ง่ายดี หรือท่านอาจจะไม่ได้คิดเรื่องนี้ เพราะมัวแต่ไปคิดถึง ภาพถ่าย ดิจิตอลกันอยู่ ฮิ ฮิ อย่าคิดมากเลยครับมันมีเทคนิคในการถ่ายมีบางคน เท่านั้นเองครับ ที่ทำได้ หากให้ผมบอกรายละเอียดทั้งหมดผมก็ไม่บอก หรอกครับ อาถรรพณ์ ภาพเพชรของผมอาจทำให้ กล้องดิจิตอล ทุกตัวในโลกนี้ อาจจะขายไม่ได้เลยครับ หรืออาจขายดีมากๆๆ ก็ได้ครับ

▬ นี่แค่ภาพถ่ายของเพชร ภาพถ่ายธรรมดาก็ทำสามมิติได้ครับ แต่อาจจะเห็นไม่ทะลุเสื้อผ้า เท่านั้นเองนะครับ ถ้าเห็นของจริงแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น ? เดี๋ยวพวกสาว ๆ จะโกรธผมเอา และบางท่านอาจจะสงสัยอีกว่า เพชรเม็ดใหญ่ขนาดนั้นกลืนลงท้องได้อย่างไร? มันเป็นเรื่องที่ผมปกปิดไว้ไม่บอกความจริงให้ใครทราบหรอกครับ พวกที่ขนเพชรขนพลอยกลับมาเมืองไทยเขาก็ทำแบบ ผมนี้แหละครับ หาไม่แล้วก็ไม่สามารถจะผ่านออกจากประเทศต้นกำเนิดได้ครับ

▬ เรื่องแรกที่ผมจะเล่าคือ วันที่ผมออกจากบ้านจะมาคองโก ผมไปถึงสนามบินดอนเมือง ประมาณบ่ายสองโมง เห็นจะได้ พนักงานที่บริษัท เอา ตั๋วเครื่องบิน กับ หนังสือเดินทางมาให้ผม แต่แทนที่ผมจะ ได้ไปเที่ยวบิน ที่ออกจากดอนเมือง ไป Zurich Switzerland ในเวลา บ่ายสามโมงครึ่ง กับต้องเป็นเที่ยวบิน เกือบสามทุ่มเพราะมีการเปลี่ยนเส้นทางบินให้ผม ๆ เลยต้อง เดินเที่ยวอยู่ที่ในสนามบินดอนเมือง อยู่เป็นชั่วโมง แล้วก็ไปหาที่สงบๆ ดี ๆ นั่งอ่านหนังสือ ผม เผลอนั่ง หลับไป เกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนที่ จะ check in

▬ ช่วงที่ผมหลับ เหมือนกับผมจะ ฝันแต่ก็ไม่ ใช่ เพราะตาผม ปิดไม่สนิท ผมยังพอมองเห็นคนอื่น ๆ ที่เดินอยู่บริเวนนั้น ตอนนั้นมีคนแก่ นุ่งโสร่ง สีส้มเก่า ๆ ไม่ใส่เสื้อ ในมือซ้ายถืออะไรอยู่สักอย่าง ผมมองเห็นไม่ถนัด เดินมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างหน้า ผม แล้วก็ยิ้มให้ผม ๆ ถามว่าคุณปู่จะไปไหนหรือ ? เขาบอกผมว่า ฉันมาหาเธอ แล้วเขาก็พูดต่อไปว่า ลูกจงตั้งใจฟังดี ๆ นะ ต่อไปนี้ปู่จะมาหาลูกไม่ได้อีกแล้ว จะมีคนอื่นมาหาลูกแทน ปู่จะบอกลูกๆ จงบันทึกเรื่องต่อไปนี้ไว้ แล้วทำในสิ่งที่ลูกควรทำ ผมถามว่าทำอะไรหรือ ? เขาตอบว่าลูกจะรู้ เองเมื่อถึงเวลา

▬ ลูกจงตั้งใจฟัง มังกรที่นอนอยู่ ได้กลับไปแล้ว ต่อไป พญาครุฑจะมาอยู่แทน ประชาชนจะพบกับ ความรุ่งเรือง ลูกอย่าหลงระเริง ความดีจะทำให้ลูก พบความสุข เมื่อลูกอยู่บนฟ้าลูกจะเห็นเหตุการณ์ ที่เกิด ขึ้น ลูกจงเล่าสิ่งที่ลูกเห็น ให้เพื่อนๆ ของลูกฟัง จะมีผู้มีคุณต่อ ประเทศ เข้าใจและนำไปปฎิบัติ ลูกจงเก็บของสิ่งนี้ไว้ แล้วเขาก็ส่งของอย่างหนึ่งให้ผม ผมรับมาไว้ในมือ แล้วใส่กระเป๋าเสื้อเก็บไว้ โดยที่ผมไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นเป็นอะไร เขาบอกว่า ปู่ จะต้องไปแล้ว คนที่จะมาหาลูกแทนปู่ เขาจะมาบอกบางอย่างกับลูก ๆ จงจำเรื่องราว เหล่านั้นไว้ มันเป็นหน้าที่ของลูก จำให้ได้นะปู่จะไปแล้ว และเขาก็ยิ้มให้ผมแล้วเดินหายไปผมสะดุ้งตื่น ดูนาฬิกาได้เวลา check in พอดี ผมรีบเอามือคล่ำกระเป๋าเสื้อ ดูไม่เห็นมีอะไร มีแต่ปากกา แท่งเดียวที่ผม พกอยู่ ผมรีบเดินไป check in

▬ บนเครื่องผู้โดยสารไม่มากเท่าไร ผมได้ที่นั่ง ข้างหน้าต่าง แถวที่ผมนั่งไม่มีผู้โดยสารมานั่งเลยทำให้ผมไม่รู้สึกอึดอัด เท่าไร เมื่อเครื่องขึ้นประมาณสักครึ่งชั่วโมง พวกสาว ๆ ก็นำของว่างมาให้ ผมทานของว่างเสร็จ และอ่านหนังสือต่อ ผมหลับไปอีก ผมฝันเห็น สถานที่แห่งหนึ่ง มีผู้คนมากมาย ในความฝันผมเดินไปเรื่อย ๆ มีเสียงคนผู้หนึ่ง พูดขึ้นว่า ไปดูหนังกัน ผมถามไปว่าหนังเรื่องอะไร ? ไม่มีเสียงตอบ แต่ มีภาพ ปรากฎ ขึ้นทำให้ผมเห็น เหมือนมีใครมาฉายหนังให้ผมดู ผมเห็นคนหลายคนกำลัง ยิงปืนใหญ่สมัยโปราณ อยู่ ผมเดินเข้าไปถามพวกเขาว่า ยิงอะไร ? มีเสียงตอบมาว่า ยิงส่งมังกร สนุกดี ผมบอกพวกเขาว่า มันเก่าแล้วทำมัยไม่เอาไปเก็บ ? มีเสียงตอบมาว่า เขาตั้งไว้ให้เล่นตั้งนานแล้ว จะให้เอาไปเก็บที่ไหน ? ผมหันไปเห็นสถานที่แห่งหนึ่ง คล้ายโรงเก็บรถยนต์ ผมชี้มือบอก พวกเขา ว่านั่นงัย ปะช่วยกันเอาไปเก็บ แล้วพวกเขาก็ช่วยกัน หามไปเก็บไว้ แล้วพวกเขาก็หันมาบอกผมว่า สร้างบ้านให้สักหลังซิ พวกเราไม่มี ที่อยู่แล้ว ผมถามว่าเมื่อก่อนนี้อยู่ที่ไหนหรือ ? พวกเขาบอกผมว่า นอนเฝ้ามังกรอยู่ในกระบอกปืน ผมถามว่า ทำไมต้องไปนอนเฝ้า มังกรด้วยละ? พวกเขาตอบผมว่า ไปเอามังกรมากินสิงโต กินอิ่มแล้วมันไม่ยอมกลับ มานอนหลับอยู่ที่นี่ เลยต้องเฝ่ามัน ผมถามพวกเขาว่า ไหนละมังกร ขอดูหน่อย ? พวกเขาตอบว่า ตื่นนอนกลับไปบ้านแล้ว และมีเสียงคนผู้หนึ่งพูดดังขึ้นมาว่า

▬ ขอบ้านแบบนี้หลังหนึ่งซิ ผมหันไปดูตามเสียงนั้น เห็นเป็นบ้านเล็ก ๆ ทรงไทย สวยงามมากยังกะวิมานเทวดาในภาพวาด หลังนึ่ง ผมหัวเราะแล้วบอกว่าหลังกะติ๊ด เดียวจะอยู่กันอย่างไร ? มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ได้ซิ แล้ว ในฝันผมเห็นพวกเขาวิ่ง เข้าไปอยู่ในบ้านเล็กๆ หลังนั้นด้วยกัน และพวกเขาหันมา ยิ้มให้ผม และเหมือนมีใครมากระซิบข้างหูผมว่า ศาลวีรชนนะลูก

▬ ผมตกใจตื่นขึ้นมาอีก แอร์โฮสเตสสาวเอาผ้าห่มมาห่มให้ผมพอดี เธอน่ารักมาก ถามผมว่ากำลังฝันหรือคะ ? ผมเลยตอบว่า กำลังฝันถึงคุณพอดีเลย เธอทำตาโตแล้ว เลิกห่มผ้าให้ผมแล้วเดินหนีไปเลย ( แม้เสียดายจัง ) เสียงกับตันประกาศว่า เรากำลังบินอยู่เหนือ ทะเลอาระเบีย ( Arabia ) ผมนั่งคิดเรื่องความฝันที่ผ่านมา และเรื่องที่สนามบิน แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร คุณปู่คนแก่คนนั้น ก็ไม่เหมือนปู่ ของผม แต่ผมก็เหมือนกับเคยเห็นหน้าที่ไหนสักแห่ง ท้าทางท่านใจดีมากและคนพวกนั้นก็เหมือน กับ ผมเคยรู้จัก และเหมือนพวกเขาสนิท กับผมมาก และใครกันที่จะมาหาผม แทนคนแก่คนนั้น ? เสียงแอร์โฮสเตสสาว ถามผมว่า ต้องการอะไรมัยคะ ? ผมบอกว่า ขอเบียร์กระป๋อง หนึ่ง ( แฮ่ แฮ่ ใจจริงผมอยากให้เธอมานั่งคุยกับผมมากว่าครับบบบบ พูดเล่นนะครับ แต่คำถามเธอมันน่าจะตอบอย่างนี้นี่ครับ) เธอเอาเบียร์มา ให้ผมสองกระป๋องเลย แถมยังพูดอีก หลับให้สบายนะคะ อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึง ซูริดคะ แล้วเธอก็รีบเดินหนีไป ผมนั่งคิดอะไร ต่อมิอะไร เรื่อยเปื่อย และกินเบียร์หมดไปสองกระป๋องจนง่วงนอนอีก

▬ ผมหลับคากระป๋องเบียร์ไปอีกโดยไม่รู้ตัว และคล้ายๆ กับผมกำลังไปช่วยเขา หามคนเจ็บไปรักษา มีผู้คนหลายคนกำลังป่วยไข้ มีทั้งเด็ก และผู้หญิง คนแก่ และมีบางคนได้รับบาดเจ็บ แขน ขา ขาด มีคนช่วยกันหาม ไปรักษา มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ คนนี้เป็นคนไม่ดี อย่าไปรักษามัน ให้มันตายไปเลย ” มีเสียงหนึ่งพูดว่า เราเป็นหมอใครมาเราก็ต้องรักษาให้หาย ในฝันผมเดินไป เรื่อย ๆ เห็นคนกลุ่มหนึ่ง มี่ทั้งหญิงและชาย กำลังเดิน ไปที่ไหนสักแห่ง มีคน หลายร้อยคนกำลังวิ่งตาม คน กลุ่มนั้นไป พวกเขาร้องไห้กันเกือบทุกคน บอกว่าอย่าไป อยากลับไป อยู่กับพวกเรานี่แหละ พวกเราไม่มีหมอ พวกเขาวิ่งไปร้องไห้ไป และไปล้อมหน้าล้อมหลัง คนกลุ่มนั้น ที่กำลังจะจากไป มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้ทุกคน ต้องหยุด “ อย่าจากพวกเราไป เราไม่มีหมอ หากพวกเราเจ็บไข้ใครจะรักษา ” สายตาผมมองไปอีกด้านหนึ่งเห็นเด็ก ๆ กำลังร้องไห้กันอยู่เป็นร้อย ๆ คน “ พวกเขามาจากไหนทำไมมาร้องไห้อยู่ที่นี่ ” มีเด็กคนหนึ่งมาจับมือผม แล้วร้องไห้ พูดขึ้นทั้งน้ำตาว่า ช่วยด้วยอย่าให้หมอกลับไปนะ แล้วก็ฉุดมือผม พาผมวิ่งไป ที่คนกลุมนั้น คนกลุ่มนั้นหันมาเห็นผมก็ดีใจ วิ่งมาหาผม บอกผมว่า ช่วยด้วย อย่าให้หมอกลับไป เราไม่มีหมอ แล้วก็กระตุกมือผม

▬ ผมสะดุ้งตื่น มีเสียงแอร์โฮสเตสสาว พูดขึ้นว่า ขอเก็บกระป๋องเบียร์ด้วยคะ แล้วยิ้มให้ผม ผมส่งกระป๋องเบียร์คืน เธอไป ผมมองออกไป นอกหน้าต่าง มืดแล้วมองไม่เห็นอะไรเลย ผมนึกถึงความฝันและคิดในใจ แปลกมาก ผมฝันแปลก ๆ อีกแล้ว ผมหยิบวารสารหน้าที่นั่งมาอ่าน พอเปิดปุ๊บ ก็เจอหน้า Route Map เส้นทางการบินพอดีเลย ผมดูเส้นทางการบินจาก กรุงเทพฯ ไป ซูริด ต้องผ่านทะเล อาระเบีย ด้วย และตอนนี้ ผมก็กำลังอยู่ช่วงนี้พอดีด้วย ในแผนที่ผมเห็นประเทศ อิรัก และ อัฟกานิสถาน ผมนึกถึงทหารไทยขึ้นมาทันที่ พวกเขาอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง ? พวกเขาเสี่ยงชีวิตมาช่วยคนอื่น เหมือนมาทำบุญให้กับประเทศชาติ ป็นตัวแทนของคนไทยทั้งชาติมาทำบุญ แทนคนไทย ทำด้วยใจ ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต

▬ ผมเอามือ หยิบพระที่คอขึ้นมาดู ด้านหน้าเป็นรูปพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่เก้า ด้านหลังเป็นพระมหาราชอีกแปดพระองค์ ผมอธิษฐาน ขอพระบารมีท่านให้ช่วยคุ้มคร้องทหารไทยทุกคนให้ แคล้วคลาดปลอดภัยทุกคน ไม่ว่าคนดี หรือคนร้ายเมื่อเห็นทหารไทยจงเปลี่ยนใจ รักและซึ้งในน้ำใจทหารไทยทุกคน สาธุขอให้ทหารไทยทุกคนจงตั้งมั่นรักษาคนไม่เลือกว่าคนดี หรือคนร้ายบาดเจ็บ มารักษาหายได้ดังใจ นึกสร้างสรรค์ แต่สิ่งดีให้ประเทศเขา เนื้อนาบุญนี้จะนำพาให้ประเทศชาติรุ่งเรื่อง ผมเล่ามาถึงตรงนี้เมื่อท่านทั้งหลายอ่านมาถึงตรงนี้ แล้ว เมื่อเวลาท่านไปทำบุญไหว้พระผมขอให้ท่านทั้งหลาย จงช่วยกันขอพรจากพระ อธิษฐาน ให้ท่านคุ้มคร้องทหารไทยทุกคนด้วยนะครับ พวกเขาไปทำบุญแทนประเทศชาติแทนพวกเรา พวกเขาบางคนก็มีลูก มีพ่อ มีแม่ มีแฟน คอยอยู่ที่บ้าน หากพวกเขาเป็น อะไรไป คนทางบ้านเขา จะเป็นอย่างไรบ้าง ? ท่านทั้งหลายคิดถึงพวกเขาบ้างนะครับ พวกเขาไปทำหน้าที่เพื่อชาติแทนพวกเรา หากท่านใดอยู่ไกล้ ครอบครัวของเขา ก็แวะไปเยี่ยมพูดคุยกับเขาบ้างนะครับ

▬ ผมนั่งคิดอะไรต่อมิอะไรเรื่อยเปื่อย มาถึงซูริด แล้ว เปลื่ยนเครื่องต่อ ไปคองโก ผมนั่งคิดมาตลอดทางว่าจะเล่า เรื่องเหล่านี้ให้ท่าน ทั้งหลาย ฟังอย่างไรดี บางอย่างผมก็ยังหาคำอธิบายไม่ได้ เลย ว่ามันหมายถึงอะไร ชีวิตความเป็นอยู่ของท่านทั้งหลายก็อาจไม่เหมือนกับผม ท่านทั้งหลายอาจจะอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขดี ไม่เหมือนกับผม ๆ อยู่ตัวคนเดียวและเดินทางไปในที่ต่าง ๆ จะเกือบยี่สิบปีแล้ว ชินกับความเงียบ ชินกับการอยู่คนเดียว อะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะเจอก็ได้พบได้เจอ ได้รู้ได้เห็น

▬ บางอย่างหากเล่าให้ท่านฟังมันก็ อาจจะเกินไป และบางอย่างก็ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าอย่างไรดี บางเรื่องราวผมไม่เคยเล่า ให้ทางบ้าน ของผมฟังเลย แม้แต่น้องของผม ผมให้น้องส่งข้อความให้ท่าน แต่ก็บอกน้องว่า เมื่ออ่านแล้ว อย่าไปบอกแม่นะ รู้กันแค่สองคน ผมรู้ว่าเวลาแม่คิดถึงผม แม่จะแอบร้องไห้ ตอนพ่อยังไม่เสียก็ยังไม่เท่าไร แม่ยังมีเพื่อนคุย ตอนนี้เลยกลัวว่าแม่จะคิดถึงผมอีก ผมเลยไม่กล้าให้น้องบอก เอาไว้ค่อยโทรกลับไปหาจะดีกว่า แต่ผมก็คิดว่าเป็น โอกาสที่ดีสำหรับผม ทำให้ชีวิตผมมีรสชาติมีคุณค่าดี บางครั้งผมก็คิดว่าหากผมกลับไปทำงานอยู่ในบริษัท อาจจะพบกับความวุ่นวายของผู้คนอีก และไม่มีโอกาสรู้เรื่องราวแบบนี้ก็เป็นได้ และอาจจะไม่รู้จักคุณค่าของธรรมชาติ รวมทั้งเพชรพลอยต่าง ๆ หนังสือหรือตำราของปู่และของพ่ออาจจะไม่ได้เปิดอ่านเลยก็ได้ แต่เมื่อ ผมอยู่คนเดียว ผมกลับอ่านทุกอย่างที่มีให้อ่าน หนังสือบางเล่มผมอ่านจนรู้ว่าหน้าไหน เขียนเรื่องอะไรไว้

▬ และหากผมมีครอบครัว มีลูกหรือมีแฟน ผมอาจจะไม่มีเวลามาเขียนเรื่องราวเหล่านี้เล่าให้ท่านทั้งหลายฟังก็ได้ ผมอาจจะเอาเวลาที่ว่าง โทรคุยกับลูก กับแฟน อยู่ก็ได้ หรือแม้แต่เงินเดือนของผม อาจจะต้องเก็บไว้ให้ครอบครัว ไม่สามารถเอามาซื้อเพชรพลอย ขนกลับบ้านได้ ขนาดนี้ และอาจจะไม่มีเวลามาศึกษาเรื่องเหล่านี้ เพื่อน ๆ รุ่นเดียวกับ ผมก็มีความสุข มีครอบครัว มีลูก มีเงินเดือนเป็นแสนไปหมดแล้ว ผมเองบ้างครั้งกลับไปเจอพวกเขา ก็ไม่กล้าคุยเรื่องเหล่านี้ให้เขาฟัง ส่วนใหญ่ผมจะหลบหน้าพวกเขามากกว่า เพราะอาจจะไปคุย กับพวกเขาคนละ ภาษาได้ พวกเขาอยู่ในวงค์สังคมอีกระดับหนึ่งส่วนผมเข้า ๆ ออก ๆหากจะคุยเรื่องเพชรพลอยกับพวกเขาก็กลัวว่า จะไปขอให้พวกเขาซื้อของ ๆ ผม บางครั้งผมไปเยี่ยมพวกเขาผมก็ไม่ ใส่เครื่องประดับอะไรเลย แต่ก็เห็นของที่พวกเขาใส่เอามาอวดผม และผมก็ได้แต่ยิ้มๆ อยู่ในใจ

▬ พวกเขาบางคนมีบ้านหลังละหลายสิบล้าน มีคนขับรถให้ บางคนก็ชอบคุยข่มเพื่อนฝูงคนอื่นๆ แต่บ้านผม หลังเล็กนิดเดียว พอเล่าเรื่องบ้านผม ๆ ก็มีเรื่องอยากจะบอกท่านไว้นะครับ ที่บ้านผมนี้ หากจะว่ากันตามตำรา ฮวงจุ้ยแล้วก็จะ ผิดหลักฮวงจุ้ย เกือบทั้งหมดเลยครับ ตอนผมซื้อใหม่ๆ นั้น มีคนทักหลายคน ว่าผิดหลักตำราอยู่แล้วจะเดือดร้อน เงินทองจะรั่วไหล จะเก็บเงินไม่อยู่ แรก ๆ ผมก็หวั่น ๆ เหมือนกันครับ เพราะอยู่แล้วรู้สึกไม่คอยสบายใจ ผมไปเล่าให้ พ่อฟัง พ่อผมมาที่บ้านผม แล้วก็บอกผมว่า ไม่เป็นไรหรอกลูก จุดธูปเทียนบอกเจ้าที่เจ้าทางเขา ว่าเรามาอาศัยที่นี่อยู่ ซื้อบ้านหลังนี้แล้ว หากบ้านจะผิดทิศผิดตำรา ก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเจ้าที่เจ้าทาง เปิดทางทำมาหากิน ให้อยู่เย็นเป็นสุขด้วย ให้มีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ แล้วจะต่อเติมบ้านให้ดี แล้วผมก็ทำตาม ที่พ่อผมบอกทุกประการครับ ผมจัดบ้านให้สะอาดทำบ้านให้น่าอยู่ ก่อนออกจากบ้านผมก็ใหว้พระ โดยไม่ต้องจุดธูปเทียน และบอกเจ้าที่เจ้าทาง ให้เปิดทางทำมาหากิน ให้ผม

▬ ตั้งแต่นั้นมา ผมก็มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา ในชีวิตผมครับ ผมมีเงินเก็บต่อเติมบ้าน ให้ดูดีขึ้น ตอนนี้ถึงแม้ผมจะมีเงินซื้อบ้านหลังใหญ่ ๆ ได้ ผมก็ยังไม่อยากจะไปอยู่ที่อื่นหรอกครับ บ้านน้อยหลังนี้ของผมมันเรียกเงิน เรียกทอง เรียกเพชร เรียกพลอย มาอยู่กับผมเต็มบ้านไปแล้วครับ ท่านลองทำตามที่ผมเล่ามาก็ได้นะครับ ก่อนออกจากบ้าน ท่านก็ไหว้พระ ไหว้เจ้าที่ ด้วยมือเปล่านี่แหละครับ อย่าไปจุดธูปทิ้งไว้นะครับ และหากมีเรื่องเดือดร้อนใจอะไรในบ้าน ก็อธิษฐาน บอกเจ้าที่ให้ท่านช่วยให้ดีขึ้น ก็ได้นะครับ อย่าไปมองข้ามท่านนะครับ ผมพบมากับตัวเอง ผมไม่แนะนำอะไรในสิ่งที่ไม่ดีให้กับท่านหรอกครับ และบอกให้เจ้าที่ช่วยเปิดทางทำมาหากินให้ด้วย เวลาท่านทำบุญใส่บาตร ก็นึกถึงเจ้าที่ ท่านด้วยนะครับ แล้วท่านจะมีเงินเก็บ และอาจจะไม่อยากย้ายไปอยู่ที่ อื่นก็ได้นะครับ ว่าดึกแล้วคืนนี้เล่าแค่นี้ก่อนนะครับ ตอนต่อไป ผมจะเล่าเรื่อง เศษหินและเศษเพชรพลอย ให้ฟังนะครับ สวัสดีครับ

จาก Web board 'คุยเฟื่อง เรื่องหิน' กระทู้ที่ 1503