อาถรรพ์ของพลอย ภาค 15

เล่าเรื่องโดย ... คนหาพลอย

▬ สวัสดีครับ ผมจะเล่าต่อจากตอนที่แล้วนะครับ และผมจะสรุปเล่าเลยนะครับ หากเรียงลำดับเหตุการณ์ ผมก็จำไม่ค่อยได้ เพราะใช้เวลาเป็นปี กว่าผมจะตีความหมายออก ผมกลับมาเมืองไทย ผมรีบไปกราบพระแก้วมรกต ในวันรุ่งขึ้นทันที ผมเข้าไป ตอนนั้น ประมาณ เก้าโมงเช้าได้ ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเลย มีแต่เจ้าหน้าที่

▬ ผมได้นั่งทำสมาธิอยู่เกือบชั่วโมง โดยไม่มีเสียงอะไรมารบกวนเลย เจ้าหน้าที่ต้องมาปลุกผม ว่าคุณนั่งนานแล้วนะ ไม่มีใครกล้าเข้ามา เลย ผมตกใจ ผมไม่รู้ว่าพวกนักท่องเที่ยว เห็นผมนั่งทำสมาธิอยู่ เขาจึงไม่กล้าเข้ามาข้างใน หรืองัย ผมรีบกราบพระแล้วกลับบ้าน

▬ ผมกลับมาทำงานต่อที่อินเดียอีกครั้ง คราวนี้ทางบริษัทได้งาน Project ใหญ่ จากรัฐบาลอินเดีย ได้ทำทั้ง แคว้นทั้งหมด ( Indus ) มาถึงเมืองหลวง ( New Delhi ) ประมาณ สามสิบสถานี ( ผมจำตัวเลขไม่ได้ ) ใช้เวลาประมาณหนึ่งปี ตามสัญญา ผมใช้ทีมงาน สร้างชุดเดิมทั้งหมด และเพิ่มเข้ามาอีกสองทีมงาน ในภายหลัง มาครั้งนี้คนขับรถของผมเป็นคนอินดู และชอบผมมาก ที่เห็นผมนับถือศาสนาพุทธ และหากมีเวลาว่างก็ชอบพาผมไปไหว้พระตามสถานที่ต่าง ของทั้งพุทธ และ อินดู

▬ เมืองที่ผมมาพักอยู่นี้ เป็นเมืองของชาว อินดู มีทั้งวัว ทั้งอีกา ทั้งอีแร้ง ทั้งคน เดินกันเต็มถนน ไปหมด ในตอนกลางวัน มีการละเล่นพื้นเมือง ตามข้างถนนมากมาย ใครที่เคยดูหนังอินเดีย ก็จะมองภาพเมืองนี้ออก ทางบริษัทมาเช่าโรงแรมทำ สำนักงาน ( office ) มีญี่ปุ่นมาอยู่ห้าคน มีคนอินเดียเป็นพนักงาน อีกสิบกว่าคน ห้องพักของผมและของญี่ปุ่นอยู่ชั้นบนของโรงแรม ผมไม่ค่อยอยากอยู่ที่ office เท่าไร เพราะ ผมไม่ค่อยชอบพวกพนักงาน ชอบคุยกันเสียงดัง เวลาพวกเขาใช้ คอม ฯ ก็ กดแป้น พิมพ์ ดัง โปก เป็ก ๆ เสียงดัง ยังกับโรงงานตีเหล็ก โดยไม่กลัวมัน จะพัง ตัวคอม Computer และ Keyboard ก็ไม่เคยทำความสะอาด ฝุ่นเกาะเต็มไปหมด เห็นแต่ตัวหนังสือ โดนนิ้วมือจิ้มทุกวัน เวลาคุยโทรศัพท์ ก็เสียงดังลั่นห้องไปหมด พวกเขาพูดภาษา อังกฤษ เก่งและเร็วมากจนบางครั้งฟังไม่รู้เรื่อง

▬ ทำงานกับคนญี่ปุ่น เขาจะไม่ชอบกั้นห้อง จะชอบจัดโต๊ะทำงานยาว ๆ คนที่เป็นหัวหน้า จะนั่งอยู่หัวโต๊ะ ลูกทีมจะนั่ง อยู่ ซ้าย ขวา ตอนเช้าก่อนทำงานก็ต้องมายืนประชุมรอบโต๊ะกันสิบนาที เพื่อดูว่าใครทำอะไรไปถึงไหนแล้ว ใครทำงาน หรือ ไม่ทำงาน ก็เห็นหมด อู้ไม่ได้ ตอนหลัง พวกญี่ปุ่นก็คงรำคาญพวกเขาเหมือนผม ต้องกั้นห้องให้พวกเขานั่ง แยกกันต่างหาก แถมบางคน ปากเหม็นอีก และเวลาพูดด้วยก็ชอบเข้ามาใกล้ ๆ บางครั้ง ผมและญี่ปุ่นอยากจะอ้วก เวลาคุย กับเขาเสร็จก็ต้องรีบไปเข้าห้องน้ำล้างหน้า (ไม่อยากเล่า )

▬ ผมเล่าเรื่องมรกต ของผมให้หัวหน้าคนงาน ทั้งสองฟัง และให้พวกเขาช่วยตามหาให้ พวกเขา ตกใจมาก ไม่คิดว่าผมจะได้มรกตมา พวกเขาพยายามหา ข่าวการขาย มรกตให้กับผม ผมจะสรุปเล่า ให้ฟังก่อนเลยนะครับ แต่ความจริงกว่าจะรู้ได้ก็ใช้เวลานานมาก พวกเขาพบว่ามีการขายมรกต ขนาดใหญ่ เกิดขึ้นใน แคชเมียร์ และมีการฆ่าล้างเผ่าชนกลุ่มน้อยเกิดขึ้นใน ฝั่งปากีสถาน และต่อมา ก็พบว่า พนักงานของโรงแรม ที่เอาของ ๆผมไป ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว และทราบข่าวอีกว่ามรกต ของผม ถูก เจียระไน ออกเป็น เม็ดใหญ่ ๆ ขนาด สามร้อยกว่ากะรัต สามเม็ด และขนาดยี่สิบกว่ากะรัต อีก สามสิบเม็ด และเม็ดเล็ก ๆ อีกจำนวนหนึ่ง ขนาดใหญ่ทั้งสามเม็ดถูกส่งเข้าไปขายใน อัฟกานิสถาน โดยคนที่อเมริกา ต้องการตัวซื้อไป และนำไปขายต่อให้กับ เจ้าผู้ครองนครสามแห่ง ที่รำรวยมหาศาล ( ขอสงวนชื่อประเทศทั้งสามไว้ ) เพื่อแลกกับอาวุธ ก

▬ การหาข่าวของผมทำให้หัวหน้าคนงาน ต้องเสียชีวิตไปหนึ่งคน เพราะไปรู้ความลับอะไร บางอย่างเข้า เลยโดนฆ่าปิดปาก ซึ่งผมก็ไม่ทราบได้ เมื่อเสียหัวหน้าคนงานไป ผมจึงต้องหยุดหาข่าว แต่ก็รู้มาว่า มรกตจำนวนสามสิบเม็ด ตกไปอยู่ในความครอบครองของผู้นำประเทศ ในขณะนั้น ก่อนผู้นำคนนี้ จะถูกลอบสังหาร มีคนเห็นเขาใส่มรกตชุดนี้ออกงานในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง และต่อมาทายาท ของเขาได้ครอบครอง ก็ถูกลอบสังหารอีก และได้ข่าวว่ามรกตชุดนี้ถูกขายไป ในตลาดตะวันออกกลาง มี ผู้ร่ำรวยคนหนึ่งซื้อไป ต่อมา ผู้ร่ำรวยคนนี้ก็ถึงการล่มสลาย

▬ ปัจจุบันไม่ทราบว่ามรกตชุดนี้อยู่ที่ใด ส่วนมรกตเม็ดเล็ก ๆอีกจำนวนหนึ่ง กระจายอยู่ในตลาด พลอย ของปากีสถาน แต่ละคนที่ได้ครอบครอง ไม่มีใครมีความสุข ต้องเปลื่ยนมือไปเรื่อย ๆ ส่วนมรกตเม็ดใหญ่ ทั้งสาม สองเม็ดแรกได้ทำให้ประเทศทั้งสอง ต้องพังพินาจไปแล้ว ส่วนเม็ดที่สามเป็นเม็ดใหญ่ที่สุด มีน้ำหนักเกือบสี่ร้อยกะรัต เริ่มทำลายประเทศผู้ครอบครอง มาหลายปีแล้ว สมบัติที่มีเริ่มหมดไปกับสงคราม และประเทศกำลังจะถูกทำลาย (ตัวผมเองได้แต่คิดว่า หากมรกต เม็ดนี้กลับมาหาผมในเร็ววันนี้ ประเทศเขาก็จะพ้นภัย)

▬ ไม่มีใครสามารถบอกเขาได้ว่ามรกต มีที่มาอย่างไร ใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง ตัวผมเองก็ยังไม่รู้ว่า มรกตจะกลับมาหาผมแบบใด และมาได้อย่างไร ? มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่งว่า สีของมรกตเป็นสี ของ สีเขียวใบตอง สาว คือใบตองที่ไม่ แก่ และ ไม่ อ่อน เกินไป และเนื้อภายในไม่มีตำหนิ เลยแม้แต่น้อย ผมได้แต่ภวนาให้ตกอยู่ในมือของคนดี ผมพอจะมาคิดได้ก็จากเหตุการณ์ ต่อไปนี้

▬ ครั้งหนึ่ง คนขับรถของผมได้ชวนผมไป ไหว้ เจ้าแม่ อุมา ที่โบสถ์ ของศาสนาอินดูแห่งหนึ่ง ที่นี่มีการเข้าทรง เพื่อดูดวงกับเจ้าแม่อุมาด้วย คนขับรถพยายามบอกผมว่าที่นี่ดูแม่นมาก ให้ผมลองดู ผมจึงเอาดวงของผมให้เขาตรวจ เจ้าแม่ อุมา ในร่างทรง ตกใจมาก ที่เวลาเห็นผม และไม่กล้าสบตาผม ๆ ตรงๆ ผมให้คนขับรถช่วยแปลคำทำนาย คนขับรถบอกว่า ของ ๆ ผมที่หายไป มันเป็นอาวุธ ที่มีผมคนเดียวเท่านั้นที่นำมันออกมาได้ มัน จะไปทำ ลายบ้านเมืองของคนไม่ดีให้เขาวุ่นวาย และไม่ต้องไปตามหา ต่อไปของจะกลับมาอยู่กับผมเอง และยังบอกอีกว่า ของ ๆ ผม หากผม ไม่ได้อนุญาต ใครที่แตะต้อง จะมีอันเป็นไป และบอกให้ผมกลับไปอยู่ประเทศไทย อย่าได้ออกไปไหน

▬ ผมบอกว่าผมต้องทำงาน เขาบอกว่า ผมไปอยู่ประเทศไหน ก็แล้วแต่ ประเทศนั้น ผู้นำประเทศที่ ไม่ดีจะเดือดร้อน อยู่ได้แต่ประเทศไทยประเทศเดียว ทำให้ผมยิ่งงงใหญ่ เขาบอกว่าดวงชะตา ของผม เกิดมาเพื่อทำให้คนไม่ดี เดือดร้อน เขาบอกว่า แม้แต่ผม แค่ อยู่เฉย ๆ หากใครคิดไม่ดีกับผม เขาก็เดือดร้อน แล้ว คำทำนายทำให้ผมได้ข้อคิดบางอย่าง แต่ยังไม่เข้าใจเท่าไร ในตอนนั้น คนขับรถก็รู้ว่าผมไม่ค่อย เข้าใจอีกหลายวันต่อมา พอมีเวลาว่าง ก็ชวนผมไปไหว้พระ ศิวะ อีก ผมก็ไป ที่นี่ผู้คนมากมายต้องต่อแถวยาว ผมไปรออยู่ เกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อถึงคิวผม ร่างทรงของพระศิวะ ก็แสดงถ้าทางดีใจ มาก เชื้อเชิญให้ผมนั่ง อย่างดี พูดจาเป็นภาษาพื้นเมือง แม้แต่คนขับรถของผม ก็ไม่เข้าใจ ไม่สามารถรู้ได้ว่าพูดอะไรบ้าง เลยต้องลากลับ

▬ อีกไม่นานต่อมา ก็พาผม ไปไหว้พระที่โบสถ์ ฮินดูแห่งหนึ่ง โบสถ์นี้สร้างสวยมาก มีเทพเจ้า ของศาสนาอินดู เต็มไปหมดเลย และผู้คนมาไหว้ เยอะมาก คนขับรถพาผมไหว้ เทพเจ้าแต่ละองค์ ครบทุกองค์ ในโบสถ์นี้ ควันธูปและน้ำหอมเต็มไปหมด ก่อนจะกลับ มีคนมาเรียก คนขับรถของผม ให้พาผมเข้าไป ในโบสถ์อีก พอเข้าไปใน โบสถ์ เขาบอกกับคนขับรถว่า ให้พาผม มาที่นี่ บ่อย ๆ และบอกว่าของสวย ๆ งาม ๆ จะมาอยู่กับผม และบอกอะไรอีกหลายอย่าง แต่ผมไม่สามารถบอกท่านได้ ( ต้องขอปิดไว้ก่อน ) สิ่งที่เขาบอกทำให้ผมพอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ที่เกิดขึ้นกับคนเหล่านั้น ที่ได้มรกตผมไป และผมก็รู้สึกว่ามาไหว้พระที่นี่แล้วก็รู้สึกดีขึ้น มีเมืองอินดูอยู่เมืองหนึ่ง ที่นี่ไม่ยอมให้คนงานที่เป็นมุสลิมเข้าไปทำงาน

▬ ผมต้องใช้คนงานที่ นี่และหัวหน้าคนงานของผมก็เป็นคนอินดู เมืองนี้มีวัวเต็มไปหมด บ้างครั้งผมคิดว่า จำนวนวัวอาจมากกว่าจำนวนคนอีก ที่นี่นับถือวัวเป็นเหมือนพระเจ้า วัวจึงเดิน ตามท้องถนนไปไหนมาไหนได้ โดยไม่มีใครทำอันตรายมัน ในสถานีที่ผมทำงาน มีวัวอยู่ตัวหนึ่ง มันตัวใหญ่มากชอบเข้าไปกินหญ้าในสถานี มีอยู่วันหนึ่ง ผมกำลังเปิดขวดน้ำ กินน้ำอยู่มันก็เดินเข้ามา หาผม ๆ เอาน้ำให้มันกิน มันกินน้ำผมหมดไปสองขวด ตั้งแต่วันนั้นเป็นตันมา เวลามันเห็นรถ ผมวิ่งเข้า มาที่สถานี มันก็จะรีบเดินมาหา มาขอของกิน บ้างครั้งผมก็ชื้อ กล้วยมาให้มัน ๆ ชอบกินกล้วยสุกมาก ผมให้คนงาน เอาแป๊บน้ำ ขนาดนิ้วครึ่ง ตัดยาวประมาณ สิบเซนต์ เจาะรู ร้อยเชือก เอาน๊อตแขวน ตรงกลาง ทำกระดิ่งให้มัน คล้องคอมันไว้ เวลาเดินไปมา ดัง กรุ๊ง กริ๊ง ๆ เพราะมาก และท่าทางมัน ชอบมาก

▬ มีวันหนึ่งผมขึ้นขี่บนหลังมัน เดินไปมาในสถานี พวกคนงานตกใจกันใหญ่ เอะ อะโวยวายใหญ่ ผมกลัวว่า จะไม่ดี เดียวจะมาหาว่าผม ลบหลู่ศาสนาของเขา ตั้งแต่นั้นมาเลยไม่กล้า ขึ้นไปขี่มันเล่น แต่มันก็จะชอบมาหาผม ๆ อยู่ที่ไหน มันก็จะเดินตาม จนกว่าผมจะกลับ เหตุการณ์เหล่านี้ จึงพอจะทำให้ ผมได้ข้อคิดอะไรบางอย่างออก แต่ไม่กล้าตี ความครับ ทีนี้มาดูการเข้ามาสู่วงการพลอยของผมบ้าง ใครจะเอาอย่างผมก็ได้นะ

▬ หัวหน้าคนงานที่นี่ พอมีเวลาว่างก็ชอบชวนผมไปดู ตลาดมืดซื้อขายเพชรพลอย กัน ดูภายนอก ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นตลาดซื้อขายเพชรพลอย มีถนนอยู่เส้นหนึ่ง มีซอยเล็ก ๆ สองข้างซอย เป็นห้องแถว เล็ก ๆ แลดูเก่ามาก มีอยู่ สิบกว่าห้องเห็นจะได้ หน้าห้องแต่ละห้องจะมีโต๊ะ น้ำชา ตั้ง ไว้ให้ผู้ที่มา นั่งคุยกัน คล้าย ๆร้านน้ำชา แต่ไม่ใช่ร้านน้ำชา พวกเขามานั่งคุยกันซื้อขาย เพชรพลอยกันที่นี่ ส่วนใหญ่ จะเป็นคนอินดู หัวหน้าคนงานบอกว่าที่นี่ จะซื้อขายกันเฉพาะวันจันทร์ และวันศุกร์ เท่านั้น ( เขาเคย บอกเหตุผลไว้ แต่ผมจำไม่ได้ว่าทำมัยใช้สองวันนี้ ) และที่นี่ก็เป็นที่ ๆ ผม เริ่มเข้ามาซื้อขายเพชรพลอย หัวหน้าคนงานแนะนำให้ผมรู้จักกับเจ้าของ ห้องแถวหลังหนึ่ง และให้ผมนั่งที่โต๊ะน้ำชา ยกน้ำชา มาให้ผม สักพัก ก็มีคนมานั่งคุยด้วย แล้วถามผมว่าจะซื้อพลอย หรือเพชร มั้ย ? ผมบอกว่า ขอดูก่อน พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อนะครับ

จาก Web board 'คุยเฟื่อง เรื่องหิน' กระทู้ที่ 1258