อาถรรพ์ของพลอย ภาค 2

เล่าเรื่องโดย ... คนหาพลอย

▬ เมื่อผมกับเพื่อนกลับถึงดอนเมือง ผมบอกเพื่อนว่าต่างคนแยกกันกลับบ้านก็แล้วกัน เมื่อเอาเพชร ออกจากท้องได้แล้ว โทร.หากันอีกที เพื่อนตอบ OK พรุ่งนี้ไม่เกินเที่ยง น่าจะออกมาได้แล้ว ผมกลับถึงบ้าน ก็จะสว่างแล้ว ไปเปิดตู้เย็นดูไม่มีอะไรกินเลย นอกจากเบียร์ ผมกินเบียร์ไปกระป๋องหนึ่ง แล้วนอนเลย กะนอนเอาแรงไว้ก่อน น้ำก็ไม่อาบ ผมตื่นมาอีกทีรู้สึกปวดท้องนิดๆ มองดูนาฬิกาที่หัวเตียง เกือบห้าโมงเช้าแล้ว ผมคิดอยู่ในใจ เดี๋ยวอาบน้ำแต่งตัว ออกไปหาซื้อมะละกอสุก มากินสักสองลูกดีกว่า จะได้ถ่ายออกมาเร็วๆ

▬ ผมได้มะละกอสุก มาลูกหนึ่ง ไม่ใหญ่นัก ผมกะว่าไม่กินข้าวแล้ว จะกินมะละกอแทน เมื่อผมกินมะละกอหมดลูก ผมก็ไปเปิดกระเป๋าเดินทางจะเอาเสื้อผ้าออกมา ไปจ้างข้างบ้านเขาซักให้ ผมก็ต้องตกใจ กระเป๋าข้างซึ่งไม่มีจุญแจล๊อก มีอะไรอยู่ข้างใน ผมเปิดซิพออกเห็นเป็น ซองกระดาษสีน้ำตาลอยู่ข้างใน และมีอะไรเป็นก้อนๆ อยู่ข้างใน ผมรีบเปิดซองออกมาดู พบเพชรอีกเม็ดอยู่ข้างใน ใจผมเต้นตุบๆ แล้วตรวจดูในซองว่ามีอะไรอีก พบกระดาษ แผ่นหนึ่งมีข้อความเขียนไว้ เป็นภาษาอังกฤษ แปลเป็นไทยว่า เราไม่รู้ว่าก้อนหินนี้เป็นเพชรหรือไม่ แต่คุณเอาของที่มีค่าของคุณ ไปแลกมา เราคิดว่ามันไม่ยุติธรรม หากเราเอาของไว้ทั้งหมด ของที่เหลือทั้งหมดนี้เป็นสมบัติของชาติเรา หวังว่าคุณคงเข้าใจ

▬ ผมรู้สึกดีใจมากหยิบเพชรขึ้นมาดู โอ ได้เม็ดที่ดีอีกด้วย ผมเอาเครื่องชั่งขนาด 100 กรัมมาชั่ง ก็ต้องตกใจ โอ้ ชั่งไม่ได้มัน over ผมนึกในใจหากเอา 5x100 ก็จะเป็นน้ำหนักของ กะรัต นึกถึงอีกเม็ดหนึ่งที่อยู่ในท้องของผม โอ้ ผมไม่เคย กลืนพลอยลงท้องใหญ่ขนาดนี้มาก่อน เต็มที่ก็ ไพลินดิบ ขนาด 60 กะรัต ผมคิดในใจ จะไม่บอกเรื่องนี้กับเพื่อนผมแต่จะยกเม็ดที่อยู่ในท้องของเขาให้กับเขา พอดีเพื่อนผมก็โทรมาพอดี และบอกว่ากินยาถ่ายออกมาแล้ว และชั่งน้ำหนักดูแล้ว (เรื่องน้ำหนักของเพชรผมขอปิดไว้เป็นความลับต้องขอโทษด้วย) ตอนนี้เขาไปไหนไม่ไหว ถ่ายท้องอยู่ ผมก็บอกว่าผมยังไม่ได้กินยาถ่ายเลย ครั้งก่อนๆ กินมะละกอลูกเดียวก็ออกมาแล้ว (ไม่จำเป็นผมจะไม่กินยา แม้แต่เป็นไข้หวัด ก็จะปล่อยให้หายเอง บางครั้งเข้าป่าหาพลอย ก็ไม่กินยาป้องกันไข้มาเลเรียถ้าไม่จำเป็น)

▬ เราโทรคุยกันทุกวันและตกลง จะไม่บอกเรื่องนี้กับใครทั้งสิ้นรวมทั้งญาติพี่น้อง จะรู้กันแค่สองคน (เราสองคนซื้อบ้านอยู่ใน กทม. คนละหลังอยู่คนเดียว ญาติพี่น้องอยู่ต่างจังหวัด) เวลาสามวันผ่านไป ผมยังไม่ถ่ายออกมา เพื่อนผมหายเป็นปกติดีแล้ว มาหาผมที่บ้าน และบอกให้ผมกินยาถ่าย ออกมาเถอะ

▬ ผมจึงกินยาถ่ายออกมา และต้องนอนพักอีกสามวันจึงจะมีแรงเดินใหว เพื่อนผมถามว่าจะเอายังต่อดี ผมบอกว่า ลองเจียรดูสักเม็ดไหม เจียรกันเองเหลี่ยม ไม่สวยก็ไม่เป็นไร จะได้ดูน้ำให้แน่ใจ ผมเลือกเม็ดที่เพื่อนผมกลืนลงท้อง มาเจียรใช้เวลาเกือบเดือน สองคนช่วยกันไม่ไปไหนทั้งสิ้น ก็เป็นที่น่าพอใจ เพื่อนผมพูดว่าไปซื้อเหล้ามาฉลองกัน หน่อยดีกว่า ในระหว่างกินเหล้าก็คุยกันไปหลายเรื่อง เพื่อนผมเอ่ยขึ้นมาว่า ในโลกนี้มีเพชรเม็ดใหญ่ๆ อยู่กี่เม็ดผมก็เช็คประวัติของเพชรที่มีชื่อเสียงดู และถามเพื่อนว่านายคิดว่าอย่างไร เพื่อนผมตอบว่าอย่างนี้เราก็มีชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์ได้ซิ ผมบอกยกพลอยเม็ดที่เจียรแล้วให้กับเพื่อน แล้วบอกว่า

▬ หากบุญบารมีของใครดีจริง ก็ขอให้ได้ดี นายคิดอ่านเอาเองก็แล้วกันว่า จะขายหรือจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อนผมบอกจะหาทางขายให้ได้ราคาดีที่สุด เมื่อเขาพูดจบก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นผมรับสาย เป็นสายมาจากต่างประเทศของคนนำทาง บอกผมว่าเดือดร้อนหนักมาก อยากจะได้เงินสัก 10000 เหรียญ ไห้เจ้าหน้าที่รัฐบาล และจะย้ายไปอยู่ที่อื่นๆ ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐบาลสองคนที่อำนวยความสะดวกก็ตายแล้ว คนหนึ่งถูกฆ่าตายทั้งครอบครัว อีกคนถูกผ่าท้องตาย ผมรีบรับปากบอกว่าได้และขอเบอร์โทรกลับไว้ และบอกเขาว่า จะหาทางส่งเงินไปให้ได้ ให้คอยรับโทรศัพท์

▬ ผมคุยรายละเอียดกับเพื่อนว่าจะเอาอย่างไรดีจะส่งเงินอย่างไร ตอนนี้เงินไม่พอ สองคนรวมกันได้ประมาณ 7000 เหรียญ เลยตกลงกันว่าจะเอาเศษเพชร ที่เจียรไปขายหน้าจะได้สักล้านหนึ่ง ถ้ารีบขายถูกๆ เราแบ่งหน้าที่กันเรื่องขายเศษเพชรให้เพื่อนผมจัดการ ผมหาทางส่งเงินให้ได้ ผมสองคนใช้เวลาเกือบสองเดือนกว่า จะหาขายเศษเพชรได้ และหาคนเดินทางไปประเทศนี้ได้โดยวิธีไปแบบคณะทัวนักท่องเที่ยว แล้วให้นัดเจอ กันที่โรงแรมส่งเงินให้ และสอบถามเรื่องราวทั้งหลายว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

▬ เมื่อคนที่ผมส่งไปกลับมา และเล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้นให้ผม และเพื่อนฟัง ว่า หลังจากที่ผมแบ่งเพชรให้กับคนของรัฐสองคนนั้นก็ถูกจับ ในข้อหาเขาไปในดินแดน ของชนกลุ่มน้อยโดยไม่ได้รับอนุญาต จากรัฐบาล และถูกสอบสวนโยงมาถึงคนนำทาง คืนนั้นคนนำทางโดนจับแต่ ได้ถูกปล่อยตัวออกมาหลังจากนั้นอีกสองวันโดยการติดสินบนให้นายทหารสองคนด้วยเพชรสองเม็ดที่ผมให้ไปนั้น แล้วตอนนี้ก็หลบหนีการจับกุมอยู่ เพราะทางรัฐบาลรู้แล้วว่า ของพวกนั้นเป็นเพชรจริงๆ

▬ คนนำทางฝากมาบอกว่าเมื่อได้ที่อยู่แล้วจะหาทางติดต่อผม ผมและเพื่อนรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และคุยกับเพื่อนว่า เดี๋ยววันไหนเราว่างจะไปทำบุญที่วัดที่ไหนสักแห่ง เพื่ออุทิศส่วนบุญไปให้พวกเขา อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาผมกับเพื่อนก็ไปทำบุญที่พุทธมณฑล และได้ทำสังฆทานไปให้พวกเขา และอีกสามวัน ต่อมาคนนำทางก็โทรมาหาผม บอกว่าได้ที่อยู่ใหม่แล้ว เขาไปอยู่กับชนกลุ่มน้อยอีกเผ่าหนึ่ง เพื่อหลบเจ้าหน้าที่ ของรัฐไม่ให้ตามเข้าไป และเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการตาย ของเจ้าหน้าที่สองคน ที่ไปด้วยให้ฟังอีกว่า ทหารได้เพชรไปแล้วคิดว่าสองคนนั้นยังมีเพชรซ่อนอยู่อีก จึงส่งคนเข้าไปปล้นบ้าน และหาเพชรไม่เจอ จึงฆ่าปิดปาก ตัวเขาและครอบครัวจึงต้องหนี

▬ ผมรู้สึกผิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่คิดว่าจะเป็นได้ถึงเพียงนี้ อีกหลายวันต่อมา เพื่อนผมมาหาผมที่บ้านบอกว่า ตั้งแต่เก็บเพชรเม็ดนี้ไว้ที่บ้านก็ไม่เคยนอนหลับเลย จะมีอะไรให้หงุดหงิดใจเสมอมา ผมบอกว่า คงคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนนี้ยังพอมีเงินเหลือ จากการขายเศษเพชรนั้นไปก็ไปทำบุญบ่อย ๆ หน่อยก็แล้วกัน พักสักเดือน ค่อยหาอะไรทำต่อ

▬ ส่วนตัวผมเองก็ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แปลกตั้งแต่เก็บเพชรไว้ที่บ้าน กลับนอนหลับสบาย เวลาหลับก็ไม่เคยฝันอะไรเลย แถมตื่นหกโมงเช้าทุกวันเลย เมื่อตื่นขึ้นมาก็ต้องเอาเพชรสองเม็ดนี้มานั่งดูทุกเช้า ดูแล้วก็เก็บไว้ ผมยังคิดอะไรไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี วันหนึ่งผมกำลัง นั่งคัดพลอยที่ซื้อไว้มา แยกคุณภาพของแต่ละเม็ด (คือการซื้อพลอยห่อหนึ่ง อาจมีร้อยเม็ด แต่ละเม็ดก็จะมีตำหนิ แตกต่างกันไป ก่อนจะนำไปขายก็ต้องเลือกก่อน)

▬ เวลานั้นประมาณสองทุ่มกว่า เพื่อนผมโทรมาบอกว่า ดูข่าวต่างประเทศหรือป่าว ผมบอกไม่ได้ดู ผมถามว่ามีอะไรหรือ เขาบอกว่า มีทหารของประเทศหนึ่ง(ขอปิดชื่อประเทศไว้) หลายคนถูกจับได้อีก ในประเทศหนึ่ง พร้อมอาวุธต่างๆมากมาย และเงินดอลลาร์ อีกหลายสิบล้านเหรียญ เครื่องบินมีเหตุขัดข้อง ต้องลงฉุกเฉิน เป็นข่าวไปทั่วโลกแล้วตอนนี้ ผมรีบเช็คข่าวดู ก็ต้องรู้สึกเสียใจอีก จะให้ผมคิดว่าอะไรหรือ หากทหารพวกนี้ไม่ไปรับเพชรและอารักขาเพชรกลับประเทศมัน คงมีการซื้อขายเกิดขึ้นแล้ว แต่อะไรทำให้มันเป็นไปจึงเดินทางไปไม่ถึงต้องมีอันเป็นไปเช่นนั้น (ถ้าทุกคนติดตามข่าวต่างประเทศก็จะทราบได้) วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อให้จบ

จาก Web board 'คุยเฟื่อง เรื่องหิน' กระทู้ที่ 1176